

.”เยลเลน”ยันการออกมาตรการกระตุ้นยังมีความจำเป็นเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ
. นักลงทุนคลายกังวลหลัง รมว.คลังระบุ ยังไม่ต้องกังวลเงินเฟ้อพุ่ง
.ตลาดติดตามการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
เมื่อเวลา 21.55 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ31,535.74 จุด เพิ่มขึ้น 42.40 จุด หรือ +0.13% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 13,934.84 จุด เพิ่มขึ้น 69.48 จุด หรือ +0.50% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,925.15 จุด เพิ่มขึ้น 11.18 จุด หรือ +0.29%
นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้น หลังมีความหวังต่อความคืบหน้าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯมากขึ้น ขณะที่ยังติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมา โดย ยังมีแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ เรียกร้องให้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่เพื่อผลักดันการฟื้นตัวของสหรัฐให้เร็วขึ้น เนื่องจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ นางเยลเลน กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังคงมีความจำเป็น แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในระยะนี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เริ่มฟื้นตัวขึ้นแล้ว และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ดังกลาวนี้ จะช่วยให้การจ้างงานในสหรัฐกลับสู่ภาวะเต็มศักยภาพภายในเวลา 1 ปี
นางเยลเลน ยังแก้ไขความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับตัวเลขเงินเฟ้อที่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยุติการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน ว่า อัตราเงินเฟ้อยังไม่ใช่ปัจจัยที่สร้างความกังวลมากนักในขณะนี้ เนื่องจากยังคงอยู่ในระดับต่ำ
ก่อนหน้านี้ พรรคเดโมแครตประสบความสำเร็จในการผลักดันให้สภาคองเกรสให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการพิจารณาอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแบบ fast track โดยใช้แนวทางการจัดทำงบประมาณที่เรียกว่า budget reconciliation ซึ่งจะปูทางให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสามารถให้การรับรองงบประมาณดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แทนที่จะใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 สำหรับการผ่านกฎหมายทั่วไป และทำให้ปธน.ไบเดนสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดการณ์ว่า สภาคองเกรสจะสามารถลงมติให้การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง