ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ติดลบเป็นวันที่ 3 หลังผลประกอบการของหลายบริษัทออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ

  • คาดสิ้นเดือนนี้เฟดลดดอกเบี้ย 100%
  • ไอเอ็มเอฟชี้ค่าเงินดอลลาร์ฯแข็งเกินจริง
  • จับตาความคืบหน้าเจรจาการค้าจีน-สหรัฐ

เมื่อเวลา 22.20 น.ดัชนีดาวโจนส์เคลื่อนไหวอยู่ที่ 27,156.85 จุด ติดลบ -63.00 จุด หรือลดลง -0.23% ดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,155.74 จุด ติดลบ -29.47 จุด หรือ -0.36% ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 2,979.76 จุด ติดลบ -4.66 จุด หรือติดลบ 0.2%

ราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์ร่วงลงกว่า 10% หลังรายงานจำนวนลูกค้าลดลงในสหรัฐ ขณะที่ลูกค้าในต่างประเทศขยายตัวต่ำกว่าคาด แม้บริษัทเปิดเผยตัวเลขกำไรในไตรมาส 2 ที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ส่วนหุ้น IBM ปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากที่บริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกัน

ทั้งนี้ นักลงทุนในตลาดการเงินยังคงคาดการณ์มากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค.

ในการสำรวจล่าสุด พบว่า FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 100% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 30-31 ก.ค. โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 65.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 2.00-2.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 2.25-2.50% และมีโอกาส 34.9% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 1.75-2.00%

ขณะที่นักลงทุนกังวล รายงานของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) External Sector Report ที่ระบุว่า สกุลเงินดอลลาร์มีมูลค่าสูงเกินจริงถึง 6-12% เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจในระยะใกล้ ขณะที่สกุลเงินเยน หยวน และยูโร มีมูลค่าสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐาน

นอกจากนั้น นักลงทุนยังจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนจะเจรจาการค้าในวันนี้ ผ่านทางการสนทนาทางโทรศัพท์

“ผมและคุณไลท์ไฮเซอร์มีกำหนดโทรคุยกับเจ้าหน้าที่จีนในวันนี้ โดยเป็นการสนทนาครั้งที่ 2 ของเรา หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการเจรจาในระดับคณะทำงาน” นายมนูชินกล่าว

นายมนูชินยังระบุว่า หากการเจรจาวันนี้เป็นไปด้วยดี เขาก็คาดหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะเดินทางมาพบกัน เพื่อทำการเจรจาครั้งใหม่ โดยเรื่องของหัวเว่ยไม่ใช่ข้อขัดแย้งหลักของการเจรจา แต่เสริมว่า ทั้งสองฝ่ายยังคงมีประเด็นที่ซับซ้อนที่ต้องเจรจากันอีกมาก