ดัชนีดาวโจนส์ เปิดตลาดติดลบเล็กน้อย จับตาความคืบหน้าจีน-สหรัฐลดขัดแย้ง

  • การเจรจาการค้า เริ่มมีข่าวออกมาในทางที่ดีขึ้นอาจตกลงกันได้
  • แต่หวั่นใจสถานการณ์แย่ลง หากทรัมป์ลงนามกฏหมายหนุนประชาธิปไตยในฮ่องกง
  • นักลงทุนยังคงจับตาถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่เฟดจับตาสัญญาณเศรษฐกิจ

เมื่อเวลาประมาณ 22.15 น.ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 27,790.88 จุด ลดลง 30.21 จุด หรือ -0.11% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,523.60 จุด ลดลง 3.13 จุด หรือ -0.04% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวอยู่ที่ 3,104.52 จุด ลดลง 3.94 จุดหรือ -0.13%

นักลงทุนยังคงไม่มั่นใจในสถานการณ์ระหว่างจีน และสหรัฐ เพราะหลังจากที่มีข่าวออกมาต่อเนื่องถึงความขัดแย้งของการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยล่าสุดรายงานข่าวระบุว่า ข้อตกลงการค้ารอบใหม่ที่จะช่วยบรรเทาผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลไปทั่วโลกจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ วันนี้มีข่าวออกมาในลักษณะที่ว่า มีความคืบหน้าและจะตกลงกันได้อีกครั้ง

โดยรายงานข่าวของ หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และเป็นหัวหน้าคณะเจรจาการค้าของจีน ได้เชิญนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เข้าร่วมการเจรจาการค้ารอบใหม่ที่กรุงปักกิ่งหว่างการการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าการเจรจาจะมีขึ้นก่อนวันวันขอบคุณพระเฯจ้าในสหรัฐ หรือภายในวันพฤหัสหน้า

ขณะที่ หนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์ มีรายงานข่าวออกมาเช่นกัน โดนระบุว่า เจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐและจีนกำลังใกล้บรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรก โดยขณะนี้มีความพยายาามที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดวันที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษี 15% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.56 แสนล้านดอลลาร์

และข่าวดีก็คือ หากยังมีการเจรจากันอยู่ แม้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนวันดังกล่าว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็มีแนวโน้มที่จะเลื่อนการจัดเก็บภาษีดังกล่าวออกไป เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้บริโภคของสหรัฐได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่จะพุ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงสมาร์ทโฟน หากมีการเรียกเก็บภาษีจากจีน ขณะที่ใกล้กับช่วงเทศกาลช็อปปิ้งของสหรัฐ

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวถึงการบรรลุข้อตกลงการค้าว่า เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ รวมถึงเศรษฐกิจโลกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้ในเรื่องการเจรจาการค้าจะมีทิศทางดีขึ้น แต่ยังคงมีความขัดแย้งในเรื่องประชาธิปไตยในฮ่องกง โดยสื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ จะลงนามในกฏหมายสนับสนุนผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงอย่างเร็วที่สุดในวันนี้ หลังจากกฏหมายดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรสของสหรัฐ ซึ่งเท่ากับเป็นการเผชิญหน้ากับจีน และอาจส่งผลกระทบต่อการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสองประเทศอีกครั้ง

นอกจากนั้น นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ