ดัชนีดาวโจนส์หวั่นโควิดเดลตา-เฟดลดQE ปิดลบ 66จุด



.นักลงทุนแทขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง จับตาโควิดเดลตา-การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
.ตลาดจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ดูความชัดเจนลด QE
. หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวขึ้น หลังตลาดห่วงการกลับมาเปิดเศรษฐกิจล่าช้า

ัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 19 ส.ค.ที่ 34,894.12 จุด ลดลง 66.57 จุด หรือ -0.19% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,405.80 จุด เพิ่มขึ้น 5.53 จุด หรือ +0.13% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,541.79 จุด เพิ่มขึ้น 15.87 จุด หรือ +0.11%

นักลงทุนขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ภายในปีนี้

โดยจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ โดยคาดว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงิน QE ในการประชุมดังกล่าว

นอกจากนั้น ตลาดยังกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา โดยล่าสุดโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐในไตรมาส 3 เหลือเพียง 5.5% จากเดิม 9% เนื่องจากการระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาได้ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผู้บริโภคและภาคการผลิตของสหรัฐ

หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจปรับตัวลดลง รวมถึงหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มอุตสาหกรรม ทั้งนี้ หุ้นเจพีมอร์แกน ลดลง 0.84% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 1.47% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 1.31% หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.12% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 2.55% หุ้น 3M ปรับตัวลง 0.59%

หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญร่วงลง ท่ามกลางความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตาอาจทำให้การเปิดเศรษฐกิจเป็นไปอย่างล่าช้า โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 1.86% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ดิ่งลง 2.14% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.46% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 3.69% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส ปรับตัวลง 0.91%

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงติดต่อกัน 6 วันทำการ โดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 5.8% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ ร่วงลง 4.72% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.05% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.4% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 2%

นักลงทุนกลับมาซื้อหุ้นเทคโนโลยีที่ได้ประโยชน์จากการทำงานที่บ้านอีกครั้ง นำโดยหุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 3.98% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในไตรมาส 2 ขณะที่หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 4.18% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.08% หุ้นแอปเปิล บวก 0.26% หุ้นอินเทล ปรับตัวขึ้น 0.48%

รวมทั้ง ซื้อหุ้นกลุ่มที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภค และกลุ่มเฮลธ์แคร์ โดยหุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เพิ่มขึ้น 1.18% หุ้นเป๊ปซี่โค โค พุ่งขึ้น 1.68% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล บวก 0.47% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวขึ้น 0.8% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น 1.44% หุ้นเมิร์ค แอนด์ โค บวก 0.86%

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขว่างงานยังคงออกมาดีขึ้น โดย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 348,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยเป็นการปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเมื่อเดือนมี.ค.2563 จากระดับ 377,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กลับเปิดเผยสวนทาง โดยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกร่วงลงสู่ระดับ 19.4 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2563 จากระดับ 21.9 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีภาวะธุรกิจปรับตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 โดยได้รับผลกระทบจากภาวะตึงตัวของอุปทาน