ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกเพิ่ม ขึ้น57จุดผลประกอบการ-เจรจาการ ค้าดี

  • นักลงทุนเห็นโอกาสลงนามข้อตกลงใหม่เพิ่มขึ้น
  • หลังการเจรจาการค้าจีนและสหรัฐฯมีความคืบหน้าในทางที่ดี
  • ขณะที่เบรทซิทยังไม่ชัดเจน หลังรัฐสภาอังกฤษไม่บรรจุวาระพิจารณาข้อตกลงล่าสุด

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่21ต.ค.ที่ผ่านมา ปรับตัวขึ้น 57.44 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 26,827.64 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 20.52 จุด หรือ 0.69% ปิดที่ 3,006.72 จุด ส่วนดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 8,162.99 จุด ปรับตัวขึ้น 73.44 จุด หรือ 0.91%

โดยมีข่าวดีจากการเจรจาเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้ามีข่าวดีทั้งฝั่งจีนและสหรัฐฯ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวว่า จีนและสหรัฐจะทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาทางการค้า ซึ่งขณะนี้การเจรจามีความคืบหน้าอย่างมาก

ขณะที่นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาวระบุว่า สหรัฐอาจยกเว้น ไม่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนที่ประกาศไว้ว่าจะจัดเก็บในเดือนธ.ค. หากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนดำเนินไปด้วยดี ส่งผลให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าจะมีข้อตกลงใหม่เกิดขึ้น

ประกอบกับ ผลประกอบการไตรมาสที่3ของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะในตลาดหุ้นเอสแอนด์พี500 ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐปิดในแดนบวก และดัชนีเอสแอนด์พี 500ปิดที่เหนือ3,000จุด

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประสบความล้มเหลวในความพยายามผลักดันให้รัฐสภาลงมติในวันนี้ต่อข้อตกลงการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่เขาทำไว้กับผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 10 วันก่อนที่อังกฤษจะแยกตัวจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค.

ทั้งนี้ นายจอห์น เบอร์คาว ประธานสภาสามัญชน หรือสภาล่างของอังกฤษ ปฏิเสธข้อเสนอของรัฐบาลในการบรรจุวาระการลงมติต่อข้อตกลง Brexit ในวันนี้ โดยนายเบอร์คาวระบุว่า รัฐสภามีข้อห้ามในการพิจารณาญัตติที่มีการเสนอเป็นครั้งที่ 2 ภายในสมัยประชุมสภาเดียวกัน

การที่สภาล่างของอังกฤษปฏิเสธการลงมติต่อข้อตกลง Brexit ในวันนี้ ส่งผลให้รัฐบาลอังกฤษหันมาใช้แผน 2 โดยจะให้สภาให้การรับรองร่างกฎหมายที่มีความจำเป็นต่อการดำเนินการด้าน Brexit โดยรัฐบาลจะเปิดเผยร่างกฎหมายดังกล่าวภายในวันนี้ และหวังว่ารัฐสภาจะให้การอนุมัติก่อนเส้นตายที่อังกฤษจะแยกตัวออกจาก EU ในวันที่ 31 ต.ค.