ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 233 จุด วิตกความรุนแรงในตะวันออกกลาง

  • อิรัก-อิหร่าน ประกาศตอบโต้หลังสหรัฐสังหารผู้นำทางทหาร
  • นักลงทุนเทขายหุ้นต่อเนื่องหวั่นเกิดสถานการณ์ความรุนแรง
  • หุ้นสายการบินดิ่ง ขณะที่หุ้นพลังานปรับตัวเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 3 ธ.ค.ที่ 28,634.88 จุด ร่วงลง 233.92 จุด หรือ -0.81%.ด้วยตวามกังวลต่อสถานการณ์ความรุนอรงในตะวันออกกลาง ดัชนี เอสแอนด์พี500 ร่วงลงเช่นกัน ปิดที่ 3,234.85 จุด ลดลง 23.00 จุด หรือ -0.71% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 9,020.77 จุด ลดลง 71.42 จุด หรือ -0.79%

นักลงทุนเทขายหุ้น เนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังสหรัฐได้ใช้ปฎิบัติการโจมตีทางอากาศที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดดของอิรักในช่วงเช้าวันศุกร์ ส่งผลให้นายพลกัสซิม โซเลมานี ผู้บัญชาการกองกำลัง Quds Force ของอิหร่าน และนายอาบู มาห์ดี อัล-มูฮันดิส รองผู้นำกองกำลังฮาชด์ชาบี (Hashd Shaabi) ของอิรัก เสียชีวิต

ส่งผลให้ อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ประกาศพร้อมตอบโต้สหรัฐ ขณะที่นายอาเดล อับดุล มาห์ดี รักษาการนายกรัฐมนตรีอิรัก กล่าวประณามการโจมตีดังกล่าว โดยมองว่าเป็นการแสดงความก้าวร้าวต่อรัฐบาลและชาวอิรัก

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นสวนทางตลาดขานรับราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นมากกว่า 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น หลังจากมีการคาดการณ์ว่า หากมีการปะทะกันเกิดขึ้นระหว่างกองกำลังทั้งสองฝ่ายในอิรัก ราคาน้ำมันดิบอาจจะขึ้นไปที่ 70-80 เหรียญสหรัฐฯต่อบาเรล

ราคาหุ้นสายการบินอเมริกัน แอร์ไลนส์, ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส และ เดลตา แอร์ไลน์ส ร่วงลง 4.95%, 2.05% และ 1.66% ตามลำดับ

ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ประกาศออกมาไม่น่าพอใจ โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 47.2 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2552 จากระดับ 48.1 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 49.0 โดยดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 5 โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน