

.นักลงทุนจับตาผลการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 1-2 พ.ย
.มีแรงขายหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อดอกเบี้ย หลังคาดประชุมครั้งนี้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75%
.ตลาดจับตาการเมืองเปลี่ยนแปลง หลังการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 31 ต.ค.สุดท้ายของเดือนต.ค.ที่ 32,732.95 จุด ลดลง 128.85 จุด หรือ -0.39%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,871.98 จุด ลดลง 29.08 จุด หรือ -0.75%ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,988.15 จุด ลดลง 114.31 จุด หรือ -1.03%
นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะเปิดฉากขึ้นในวันอังคารที่ 1 พ.ย. และจะแถลงมติการประชุมในวันพุธที่ 2 พ.ย.ตามเวลาสหรัฐ โดยคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมครั้งนี้ และหากเป็นไปตามคาด ก็จะส่งผลให้เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ติดต่อกัน 4 ครั้ง หรือขึ้นมาแล้ว 3%
ไรอัน เดทริค นักวิเคราะห์จากบริษัทคาร์สัน กรุ๊ปกล่าวว่า ตลาดหุ้นนิยอร์กปิดอ่อนแรงลงในวันจันทร์ หลังจากที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ตลอดเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 13.95% ทำสถิติรายเดือนที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ปี 2519 ขณะที่ดัชนี S&P ปรับตัวขึ้น 7.99% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 3.9%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสาร ซึ่งอ่อนไหวต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง โดยหุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 1.85% หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 1.59% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ร่วงลง 6.09% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 1.30%
หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.54% หลังจากสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า การผลิต iPhone ที่โรงงานบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ในเมืองเจิ้งโจว ซึ่งเป็นโรงงานประกอบ iPhone ขนาดใหญ่ที่สุดของแอปเปิล อาจลดลงมากถึง 30% ในเดือนหน้า เนื่องจากการใช้มาตรการควบคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดของจีน
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล เพิ่มขึ้น 0.12% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 1.31% หุ้นเชฟรอน บวก 0.51%
นักลงทุนยังจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งจะเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน โดยจะมีการชิงชัยเก้าอี้ทั้งหมดในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจำนวน 435 ที่นั่ง รวมทั้งการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 35 ราย จากทั้งหมด 100 ราย นอกจากนี้ ยังมีการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐใน 39 มลรัฐ รวมทั้งการเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอีกจำนวนมาก
ทั้งนี้ หากพรรครีพับลิกันคว้าชัยชนะเหนือพรรคเดโมแครต ก็จะทำให้การผ่านกฎหมายต่าง ๆ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เป็นไปอย่างยากลำบาก ท่ามกลางคะแนนนิยมที่ตกต่ำของปธน.ไบเดนในขณะนี้
โดยผลการสำรวจของ RealClearPolitics พบว่า พรรครีพับลิกันจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหลังการเลือกตั้งกลางเทอม จากปัจจุบันที่พรรคเดโมแครตมีเสียงข้างมากอยู่เล็กน้อย