ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงแรง 809 จุด กังวลเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวช้า



  • มีแรงขายหุ้นออกมาแทบทุกกลุ่ม เพื่อลดความเสี่ยง-ดัชนีแนสแด็กปิดที่ต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปี
  • นักลงทุนกังวลว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากสงครามยูเครน-จีนกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์
  • ตลาดจับตาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 26 เม.ย.ที่ 33,240.18 จุด ลดลง 809.28 จุด หรือ -2.38%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,175.20 จุด ลดลง 120.92 จุด หรือ -2.81% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส  ปิดที่ 12,490.74 จุดลดลง 514.11 จุด หรือ -3.95%

นักลงทุนวิตกการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะล่าช้าลง จากการปรับลดประมาณการเศรษฐกิจขององค์กรระหว่างประเทศ และเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้น โดยความกังวลเหล่านี้รวมถึงสงครามที่ยืดเยื้อระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งล่าสุดรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียเตือนว่า วิกฤตการณ์รัสเซีย-ยูเครนอาจลุกลามกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์

ตลาดยังกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในการประชุมเดือนพ.ค.และอาจจะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่านั้นในการประชุมครั้งต่อๆ ไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ รวมทั้งผลกระทบจากการที่จีนยังคงล็อกดาวน์เมืองเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจ และล่าสุดมีการปิดกั้นพื้นที่บางส่วนของกรุงปักกิ่งเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวทำให้มีการคาดการณ์ว่า จีนอาจจะล็อกดาวน์กรุงปักกิ่งในไม่ช้านี้

ดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยร่วงลงแรง 4.99% โดยหุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ร่วงลง 2.2% หุ้นราล์ฟ ลอเรน ดิ่งลง3.82% หุ้นไนกี้ ร่วงลง 5.8% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 4.46% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง 3.71% ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์และอัลฟาเบทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังตลาดปิดทำการ 

นักลงทุนบริษัทแอปเปิล, แอมะซอน และเมตา แพลตฟอร์มส์ จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยกังวลว่าบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้อาจมีผลประกอบการที่อ่อนแอลงเช่นเดียวกับเน็ตฟลิกซ์

ทั้งนี้ หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.74% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 3.59% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ร่วงลง 3.23% หุ้นแอมะซอนดิ่งลง 4.58% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 3.73% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 5.48%

หุ้นเทสลา ทรุดตัวลง 12.18% เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า นายอีลอน มัสก์ อาจต้องขายหุ้นบางส่วนที่ถืออยู่ในบริษัทเทสลาเพื่อนำเงินมาซื้อกิจการบริษัททวิตเตอร์มูลค่า 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดิ่งลง 10.34% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่าผลประกอบการในปีงบการเงิน 2565 มีแนวโน้มชะลอตัวลง เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และการล็อกดาวน์เมืองสำคัญของจีนได้ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน

ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงเช่นกัน หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีดิ่งหลุดจากระดับ 2.8% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 2.94% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.85% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดิ่งลง 2.25% หุ้นเวลส์ ฟาร์กโก ร่วงลง 2.73%