

- เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารระดับภูมิภาคในสหรัฐฯหลายแห่ง
- นักลงทุนกังวลฐานะกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ทำให้มีแรงเทขายหุ้นออกมา
- ตลาดจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ย มองธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงดอกเบี้ยสูงยาวนาน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 22 ส.ค.ที่ 34,288.83 จุด ลดลง 174.86 จุด หรือ -0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,387.55 จุด ลดลง 12.22 จุด หรือ -0.28% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโฑซิส ปิดที่ 13,505.87 จุดเพิ่มขึ้น 8.28 จุด หรือ +0.06%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ของสัปดาห์ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดไว้ ขณะที่มีแรงเทขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากเอสแอนด์พีโกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารระดับภูมิภาคหลายแห่งในสหรัฐ
ควินซี ครอสบี นักวิเคราะห์จากบริษัท LPL Financial กล่าวว่า การที่นักลงทุนมีความวิตกกังวลว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเพื่อสกัดเงินเฟ้อนั้น เป็นสาเหตุที่ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง และทำให้ต้นทุนการกู้ยืมปรับตัวขึ้นด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและผู้บริโภค
ตลาดติดตามสุนทรพจน์ของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด โดยหวังว่าจะส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ชัดเจนขึ้น ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันศุกร์ที่ 25 ส.ค. เวลา 10.05 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือ 21.05 น.ตามเวลาไทย
ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคาร (S&P 500 Banks index) ดิ่งลง 2.4% และดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารภูมิภาค (KBW regional bank index) ร่วงลง 2.7% หลังจาก S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารคีย์คอร์ป, โคเมริกา อิงค์, วัลเลย์ เนชันแนล แบงคอร์ป, ยูเอ็มบี ไฟแนนเชียล คอร์ป และแอสโซซิเอทเต็ด แบงก์-คอร์ป ลง 1 ขั้น โดยระบุถึงผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และการโยกย้ายเงินฝากที่เกิดขึ้นทั่วทั้งภาคธนาคาร
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของ S&P เกิดขึ้นเพียง 2 สัปดาห์ หลังจากมูดี้ส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ได้ปรับลดอันดับความเชื่อถือของธนาคารขนาดกลางและขนาดเล็กของสหรัฐจำนวน 10 แห่งลง 1 ขั้น โดยเตือนว่าภาคธนาคารของสหรัฐเผชิญความเสี่ยงจากต้นทุนการระดมทุนที่สูงขึ้น การลดลงของเงินฝาก และอัตราการทำกำไรที่อ่อนแอลง หลังการล่มสลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) และซิกเนเจอร์ แบงก์ (SB)
หุ้นในกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าร่วงลง โดยหุ้นนอร์ดสรอม ร่วงลง 9.8% ส่วนหุ้นเมซีส์ อิงค์ ดิ่งลง 14.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 2/2566 ลดลง 7.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 6.48% นอกจากนี้ เมซีส์ยังคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคมีแนวโน้มชะลอตัวลงในช่วงเทศกาลวันหยุดที่จะถึงนี้
นักลงทุนจับตาผลประกอบการไตรมาส 2 ของปีงบการเงิน 2567 ของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) ในวันนี้ โดยอินวิเดียเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ และมีผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาดในเดือนก.พ.-เม.ย. ซึ่งเป็นไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2567