ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 397 จุด ขานรับผลประกอบการค้าปลีกสดใส



.เบสท์บาย บริษัทค้าปลีกสินค้าอิเลกทรอนิกส์รายใหญ่ของสหรัฐ เผยผลประกอบการดีกว่าคาด

.นักลงทุนซื้อหุ้นค้าปลีก-น้ำมัน หวังเศรษฐกิจฟื้นต่อเนือง

.ตลาดติดตามถ้อยแถลงเฟด คาดเริ่มชะลออัตราการขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 22 พ.ย.ที่ 34,098.10 จุด พุ่งขึ้น 397.82 จุด หรือ +1.18%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,003.58 จุด เพิ่มขึ้น 53.64 จุด หรือ +1.36% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,174.41 จุด เพิ่มขึ้น 149.90 จุด หรือ +1.36%

นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจ และผลประกอบการออกมาดี โดยเบสท์บายเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.38 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.03 ดอลลาร์ 

นอกจากนี้ เบสท์บายคาดการณ์ว่ายอดขายในปีงบการเงิน 2565 จะลดลง 10% ซึ่งน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะลดลง 11% พร้อมกับแสดงความเชื่อมั่นว่าแคมเปญลดแลกแจกแถมจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น

ผลประกอบการที่แข็งแกร่งของเบสท์บายช่วยให้นักลงทุนมีความหวังว่า กลุ่มบริษัทค้าปลีกของสหรัฐจะสามารถรับมือกับวิกฤตเงินเฟ้อได้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ภาวะเงินเฟ้อได้ส่งผลให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายสินค้าจำพวกเสื้อผ้าและเครื่องใช้ไฟฟ้า และหันไปใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็น

หุ้นเบสท์บาย ทะยานขึ้น 12.71% และช่วยหนุนหุ้นบริษัทค้าปลีกรายอื่น ๆ ด้วย โดยหุ้นโลว์ส พุ่งขึ้น 1.99% หุ้นวอลมาร์ท ดีดตัวขึ้น 0.34% หุ้นเมซีส์ อิงค์ พุ่งขึ้น 4.05% หุ้นนอร์ดสตรอม พุ่งขึ้น 6.56% หุ้นโคห์ลส์ คอร์ป พุ่งขึ้น 4.2%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน หลังจากซาอุดีอาระเบียยืนยันว่าไม่ได้หารือกับสมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เกี่ยวกับการปรับเพิ่มกำลังการผลิต ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.9% หุ้นเชฟรอน ดีดขึ้น 2.57% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ทะยานขึ้น 3.68% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.64%

นักลงทุนยังคงติดตามการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งผลกระทบต่อทิศทางดอกเบี้ย โดยยังคงคาดว่าเฟดจะลดอัตราเร่งในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในเดือน พ.ย.สอดคล้องกัย

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับลดลงช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนในการชำระหนี้ของบริษัทจดทะเบียน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 3.771% เมื่อคืนนี้

หุ้นซูม วิดีโอ คอมมูนิเคชันส์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ดิ่งลง 3.87% หลังจากบริษัทปรับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ประจำปีนี้ สู่ระดับ 4.37-4.38 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.40 พันล้านดอลลาร์