

.มีแรงซื้อหุ้นสลับกับแรงขาย แม้ภาพรวมนักลงทุนยังกังวลภาวะเศรษฐกิจ
.ตลาดได้รับแรงกดดันหลังIMFปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลก
.ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ส่งสัญญาณยุติการพยุงตลาดพันธบัตร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 11 ต.ค.ที่ 29,239.19 จุด เพิ่มขึ้น 36.31 จุด หรือ +0.12%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,588.84 จุด ลดลง 23.55 จุด หรือ -0.65% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,426.19 จุด ลดลง 115.91 จุด หรือ -1.10%
ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงผันผวน โดยตลาดมีแรงซื้อเข้ามาเพื่อซื้อหุ้นราคาต่ำสะสมและเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส3 ขณะที่มีแรงขายออกโดยกังวลการฟื้นตัวที่ช้าลงของเศรษฐกิจ จากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยและลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ปิดในแดนบวกได้วันนี้
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 สู่ระดับ 2.7% จากเดิมที่ระดับ 2.9% โดยระบุว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ได้แก่ การที่รัสเซียส่งกำลังทหารโจมตียูเครน วิกฤตค่าครองชีพ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะทำให้เกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ และนิเวศวิทยา
นอกจากนี้ IMF ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้และปีหน้า สู่ระดับ 1.6% และ 1% ตามลำดับ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังได้รับความกังวลเพิ่มขึ้น หลังนายแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE สั่งการให้บรรดาผู้จัดการกองทุนบำนาญเร่งปรับงบดุลบัญชีให้กลับมามีความสมดุลภายในวันศุกร์นี้ (14 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ BoE จะยุติโครงการสนับสนุนตลาดพันธบัตร
ซึ่งหมายความว่า BoE จะยุติการพยุงตลาดพันธบัตรภายใน 3 วันนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้สมาคมบำนาญและการออมของอังกฤษได้เรียกร้องให้ BoE ขยายเวลาโครงการรับซื้อพันธบัตรออกไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.ก็ตาม
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 1.28% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.68% หุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ ดิ่งลง 3.92%
อย่างไรก็ดี หุ้นแอมเจน ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.72% และเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก หลังจากนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแอมเจนขึ้นสู่ระดับ “Overweight” จากระดับ “Equal weight”
นักลงทุนจับตาการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าผลประกอบการจะชะลอตัวในไตรมาส 3
ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Refinitiv Data ระบุว่า บริษัทในดัชนี S&P 500 มีผลประกอบการเพิ่มขึ้นเพียง 4.1% ในไตรมาส 3 โดยลดลงจากระดับ 11.1% ที่มีการคาดการณ์ในช่วงต้นเดือนก.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐในวันพฤหัสบดีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะปรับตัวขึ้น 8.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 8.3% ในเดือนส.ค.