ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 337 จุด เพิ่มเพดานหนี้ผ่านสภา



.นักลงทุนซื้อหุ้นเป็นวงกว้าง ขานรับข่าววุฒิสภาสหรัฐบรรลุข้อตกลงเพิ่มเพดานหนี้
.ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐลดลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือน
.ตลาดจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.ของสหรัฐในวันนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 7ต.ค.ที่ 34,754.94 จุด เพิ่มขึ้น 337.95 จุด หรือ +0.98% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,399.76 จุด เพิ่มขึ้น 36.21 จุด หรือ +0.83% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิสปิดที่ 14,654.02 จุด เพิ่มขึ้น 152.10 จุด หรือ +1.05%

ดัชนีหุ้นพุ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น นึกลงทุนคลายกังวลภาวะชัตดาวน์ หลังนายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตประกาศว่า แกนนำของพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐจนถึงต้นเดือนธ.ค. ซึ่งจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ในเดือนนี้

โดยผู้ช่วยวุฒิสมาชิกรายหนึ่งเปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐอีก 4.80 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 28.9 ล้านล้านดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ระดับ 28.4 ล้านล้านดอลลาร์

นักลงทุนยังขานรับตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐลดลง 38,000 ราย สู่ระดับ 326,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 2 ต.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 3 เดือนหรือนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 345,000 ราย

มีแรงซื้อในหุ้นแทบทุกกลุ่ม โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) พุ่งขึ้น 1.5% โดยหุ้นราล์ฟ ลอเรน ปรับตัวขึ้น 1.68% หุ้น LVMH เจ้าของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นไนกี้ ดีดขึ้น 2.05% หุ้นคาปรี โฮลดิ้งส์ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการควบรวมกิจการระหว่างไมเคิล คอร์ส โฮลดิ้งส์ และจิอันนี เวอร์ซาเช่ ทะยานขึ้น 5.14% หุ้นบาธ แอนด์ บอดี้ เวิร์คส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นในชื่อดัง “วิคตอเรีย ซีเครท” พุ่งขึ้น 2.28%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นแอมะซอน พุ่งขึ้น 1.24% หุ้นอัลฟาเบท เพิ่มขึ้น 1.21% หุ้นแอปเปิล บวก 0.91% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.59% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.81% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 1.39%

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจเช่นหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง ปรับตัวขึ้น 0.65% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) บวก 1.13% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 2.03% หุ้นวอลมาร์ท เพิ่มขึ้น 1.18% หุ้นโฮมดีโปท์ พุ่งขึ้น 2.16% หุ้นทาร์เก็ต เพิ่มขึ้น 1.32%

หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 1.59% ขานรับข่าวนานาประเทศสั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ (molnupiravir) จากเมอร์ค ซึ่งรวมถึงสิงคโปร์และออสเตรเลีย หลังจากบริษัทเปิดเผยผลการทดลองระบุว่า ยาโมลนูพิราเวียร์มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 ทุกสายพันธุ์ ซึ่งรวมถึงสายพันธุ์เดลตา และยังสามารถลดความเสี่ยงในการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตลงได้มากถึง 50% สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นเนื่องจากนักลงคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ โดยหุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และหุ้นเทนเซนต์ โฮลดิ้งส์ ปรับตัวขึ้นราว 8%

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้ในการพิจารณาการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย