ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 316 จุด มีช้อนซื้อหลังตลาดลดความกังวลวิกฤตสถาบันการเงิน

  • นักลงทุนซื้อหุ้นที่ราคาลดลงแรงช่วงก่อน หลังคลายความวิตกกังวลบวิกฤตสภาพคล่องธนาคาร
  • ตลาดจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25%
  • สำนักข่าวรายงานทางการสหรัฐพร้อมออกมาตรการเพิ่มเติมช่วยสถาบันการเงิน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 21 มี.ค.ที่ 32,560.60 จุด พุ่งขึ้น 316.02 จุด หรือ +0.98%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,002.87 จุด เพิ่มขึ้น 51.30 จุด หรือ +1.30% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 11,860.11 จุด เพิ่มขึ้น 184.57 จุด หรือ +1.58%

นักลงทุนจับตาผลการประชุมเฟดในวันพุธ (22 มี.ค.) ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดี (23 มี.ค.) ตามเวลาไทย ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมรอบนี้ ซึ่งจะเป็นการแสดงความเชื่อมั่นของเฟดว่าสามารถรับมือวิกฤตการณ์ในระบบธนาคารขณะนี้ และเฟดจะยังคงให้ความสำคัญกับการสกัดเงินเฟ้อ โดยแม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อชะลอตัวลง แต่ก็ยังสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 84.9% ที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.75-5.00% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนักเพียง 15.1% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย

มีแรงซื้อหุ้นกลับเข้ามา หลังตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตสภาพคล่องในภาคธนาคาร “โอลิเวอร์ เพิร์ช” นักวิเคราะห์จากบริษัท Wealthspire Advisors ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า ตลาดดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งหลังจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารเริ่มบรรเทาลง ภายหลังจากภาครัฐและภาคเอกชนได้พร้อมใจกันแสดงศักยภาพในการฟื้นฟูและให้ความช่วยเหลือสถาบันการเงินที่อ่อนแอ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า กระทรวงการคลังสหรัฐกำลังศึกษาแนวทางในการทำให้บรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) สามารถคุ้มครองเงินฝากได้ทั้ง 100% จากปัจจุบันที่ให้การคุ้มครองไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์

ทางด้านนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐกล่าวว่า ระบบธนาคารของสหรัฐมีเสถียรภาพ หลังจากทางการสหรัฐออกมาตรการคลี่คลายวิกฤตสภาพคล่อง และรัฐบาลพร้อมที่จะดำเนินการมากขึ้นหากพบว่าวิกฤตการณ์ลุกลามออกไป

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารที่คำนวณใน S&P500 พุ่งขึ้น 3.6% โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 2.67% หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.71% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ทะยานขึ้น 3.64% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.03%

ดัชนี KBW regional banking index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารระดับภูมิภาค พุ่งขึ้น 4.8% นำโดยหุ้น FRB ทะยานขึ้น 29.5% ส่วนหุ้นแพคเวสต์ บันคอร์ป และหุ้นเวสเทิร์น อัลลิอันซ์ บันคอร์ป พุ่งขึ้น 18.8% และ 15% ตามลำดับ

ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 3.45% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% โดยหุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ พุ่งขึ้น 3.69% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ทะยานขึ้น 4.48% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 30.6% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 4.07%

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 7.8% หลังจาก China Merchants Bank International ซึ่งติดตามการจดทะเบียนประกันรถยนต์ในประเทศจีนระบุว่า เทสลามีแนวโน้มที่จะทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนที่แข็งแกร่งในไตรมาส 1/2566

%%%%