ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 268 จุด รอลุ้นตัวเลขเงินเฟ้อชะลอต่อเนื่อง คืนนี้



.นักวิเคราะห์คาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐเดือน ธ.ค.ที่จะประกาศคืนนี้จะชะลอตัวลง

.นักลงทุนคาดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในประชุมเดือน ก.พ.

.มีแรงซื้อในหุ้นสะสม คาดดอกเบี้ยขึ้นไม่เร็ว ช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐไม่ถดถอยรุนแรงในปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 11 ม.ค.66 ที่ 33,973.01 จุด พุ่งขึ้น 268.91 จุด หรือ + 0.80%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,969.61 จุด เพิ่มขึ้น 50.36 จุด หรือ +1.28% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 10,931.67 จุด เพิ่มขึ้น 189.04 จุด หรือ +1.76%

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดได้ในแดนบวก นักลงทุนรอติดตามกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนธ.ค.ในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 6.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากระดับ 7.1% ในเดือนพ.ย.ซึ่งเป็นแรงหนุนหลักในตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวขึ้น

นักลงทุนในตลาดการเงินให้น้ำหนักมากถึง 75% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมเดือนก.พ.หุ้นที่อ่อนไหวต่อต้นทุนดอกเบี้ยประบเพิ่มขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 3.6% และดัชนีกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 2.68%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นแอมะซอน ทะยานขึ้น 5.81% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 1.49% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 3.51% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 3.02% หุ้นแอปเปิ้ล ดีดขึ้น 2.11%

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.68% หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เทสลาใกล้บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นในการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในอินโดนีเซีย โดยมีกำลังการผลิตรถยนต์ 1 ล้านคันต่อปี

หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องใช้ภายในบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 68.6% โดยได้แรงหนุนจากมุมมองบวกที่ว่าเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ อาจได้รับข้อเสนอซื้อกิจการจากบริษัทอื่น ๆ หลังเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอ รวมทั้งมีความเป็นไปได้ที่ทางบริษัทจะยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลาย

ทั้งนี้ นักลงทุนบางส่วนยังซื้อหุ้นสะสม รอผลประกอบการของธนาคารขนาดใหญ่ในวันศุกร์ ซึ่งได้แก่ เจพีมอร์แกน, ซิตี้กรุ๊ป, แบงก์ ออฟ อเมริกา และเวลส์ ฟาร์โก