

.นักลงทุนคาดเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี แต่ขึ้นเพียง 0.25% ดีกว่าที่คาดไว้เดิม
.มีแรงซื้อกลับในหุ้นที่ราคาลดต่ำลงมากในช่วงก่อนหน้า ขณะที่แรงขายหุ้นเทคโนโลยี และพลังงานเป็นปัจจัยลบ
.ตลาดหุ้นสหรัฐฯยังคงมีความกังวลสถานการณ์สงครามระหว่างยูเครน-รัสเซีย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 14 มี.ค.ที่ระดับ 32,945.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.05 จุด หรือ +0.003%, ดัชนี เอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,173.11 จุด ลดลง 31.20 จุด หรือ -0.74% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมฌพซิส ปิดที่ 12,581.22 จุด ลดลง 262.59 จุด หรือ -2.04%
ตลาดหุ้นสหรัฐผันผวน จับตาการเจรจาเพื่อยุติสงครามระหว่างยูเครน และรัสเซีย รวมทั้งติดตามการประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะเปิดฉากขึ้นในวันอังคารที่ 15 มี.ค. และจะมีการแถลงผลการประชุมในวันพุธที่ 16 มี.ค.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าตรู่ของวันพฤหัสบดีที่ 17 มี.ค.ตามเวลาไทย
นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2561 แต่ถือว่าเป็นการปรับขึ้นที่น้อยกว่าการคาดการณ์ช่วงก่อนหน้า และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 40 ปี
ทั้งนี้ การเจรจาเพื่อยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่มีความยากลำบากเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย โดยรายงานล่าสุดระบุว่า การเจรจาสันติภาพรอบที่ 4 ระหว่างยูเครนและรัสเซียเมื่อวานนี้ได้เสร็จสิ้นลงโดยยังไม่ได้ข้อสรุป ทำให้ทั้งสองฝ่ายพักการเจรจาชั่วคราว ก่อนที่จะเริ่มการเจรจาครั้งใหม่ในวันนี้ (15 มี.ค.)
อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นทะลุระดับ 2.10% ทำให้หุ้นที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ยอย่่างกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.9% และส่งผลให้ดัชนีแนสแด็กปิดแดนลบ โดยหุ้นเทสลา ร่วงลง 3.64% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.30% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 3.02% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ลดลง 0.52% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 2.74%
หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.66% หลังจากบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ ซึ่งเป็นผู้ผลิต iPhone ให้กับแอปเปิล ประกาศระงับการผลิตในโรงงานที่เมืองเซินเจิ้น หลังจากรัฐบาลจีนประกาศล็อกดาวน์เมืองแห่งนี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
อย่างไรก็ดี การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐช่วยหนุนดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น 1.25% โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.18% หุ้นซิตี้กรุ๊ป บวก 0.13% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ทะยานขึ้น 2.84%
ขณะเดียวกันหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 2.89% หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงเกือบ 6% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.42% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 2.86% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ ลดลง 1.86% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 3.58%