ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดบวก 311 จุด มีแรงซื้อหุ้นกลับขานรับเศรษฐกิจสหรัฐฯยังฟื้นตัว



.นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี-กลุ่มที่ได้ผลดีจากเศรษฐกิจ -ธนาคารหลังราคาหุ้นร่วงลงก่อนหน้า
.ตลาดมองเศรษฐกิจยังฟื้นต่อ ดัชนีภาคบริการของสหรัฐที่ขยายตัวสูงกว่าคาดในเดือนก.ย.
.จับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 5 ค.ค.ที่ 34,314.67 จุด เพิ่มขึ้น 311.75 จุด หรือ +0.92% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,345.72 จุด เพิ่มขึ้น 45.26 จุด หรือ +1.05% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,433.83 จุด เพิ่มขึ้น 178.35 จุด หรือ +1.25%

นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นในกลุ่มที่ราคาลดลงในช่วงก่อนหน้า หลังจากทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐยังฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ซึ่งระบุว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 61.9 ในเดือนก.ย. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 60.0 จากระดับ 61.7 ในเดือนส.ค. โดยดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่

ราคากลุ่มธนาคารพุ่งขึ้น 1.78% โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3.16% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 2.05% หุ้นเจพีมอร์แกน บวก 1.04% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.11%

ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารพุ่งขึ้น 1.59% นำโดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 5.21% หุ้นทวิตเตอร์ พุ่งขึ้น 2.47% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 1.42% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.77% หุ้นแอมะซอน บวก 0.98% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2% หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 2.06% หลังจากเฟซบุ๊ก รวมทั้งอินสตาแกรมและ WhatsApp ซึ่งเป็นบริการในเครือของเฟซบุ๊ก สามารถกลับมาให้บริการได้อีกครั้งหลังเกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิคและทำให้ผู้ใช้บริการทั่วโลกไม่สามารถเข้าใช้งานได้เป็นเวลานานเกือบ 6 ชั่วโมง ซึ่งปัญหาระบบล่มส่งผลให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กปิดตลาดร่วงลงเกือบ 4.9% เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 79 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 1.09% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 3.08% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 1.65% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ บวก 0.36%
นอกจากนั้น หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ เช่น หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญและกลุ่มค้าปลีก ปรับขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.3% หุ้นนอร์วีเจียน ครูส ไลน์ โฮลดิ้งส์ พุ่งขึ้น 1.09% หุ้นวอลมาร์ท บวก 0.66% หุ้นโฮมดีโปท์ เพิ่มขึ้น 0.91% หุ้นทาร์เก็ต เพิ่มขึ้น 0.76% ขณะที่หุ้นเป๊ปซี่โค ปรับตัวขึ้น 0.59% หลังบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.79 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.73 ดอลลาร์/หุ้น

นักลงทุนจับตาสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้ในการพิจารณาการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

อย่างไรก็ตาม นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้ออกมาเตือนว่า เธอคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย หากสภาคองเกรสไม่ขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางเพื่อช่วยให้สหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

“ดิฉันกำหนดเส้นตายวันที่ 18 ต.ค.นี้ หากสภาคองเกรสไม่ขยายเพดานหนี้ รัฐบาลสหรัฐก็จะไม่สามารถจ่ายหนี้ตามภาระผูกพันได้ และสิ่งที่จะตามมาคือหายนะ ซึ่งดิฉันคิดว่าความรุนแรงของหายนะครั้งนี้อาจถึงขั้นทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย” นางเยลเลนกล่าวห้สัมภาษณ์ในรายการ “Squawk Box” ของสถานีโทรทัศน์ CNBC