ดัชนีดาวโจนส์ปรับเพิ่มกว่า 50 จุด ผลประกอบการบริษัทที่ออกมาดีหนุน



  • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับลดลง มีแรงซื้อหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดี
  • เศรษฐกิจยังดี จำนวนผู้ขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น แม้ดอกเบี้ยเงินกู้ดีดตัว
  • นักลงทุนตามตัวเลขเศรษฐกิจ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) สิ้นเดือนนี้

นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง โดยพันธบัตรอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 4.107% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 30 ปี อยู่ที่ระดับ 4.344% ทำให้ตลาดคลายกังวลและส่งแรงซื้อหุ้นเพิ่มขึ้น

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 37,956.25 จุด เพิ่มขึ้น
50.80 จุด หรือ 0.13%  ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,883.47 จุด เพิ่มขึ้น 18.87จุด หรือ  0.39%  ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 15,522.00 จุด เพิ่มขึ้น 96.05 จุด หรือ 0.62% 

ราคาหุ้นของบริษัทเน็ตฟลิกซ์ อิงค์ ผู้ให้บริการสตรีมมิงภาพยนตร์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้นกว่า 10% หลังเปิดเผยรายได้และจำนวนสมาชิกสูงกว่าคาด ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแสดงทิศทางที่ดี

สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว แม้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวขึ้น

ทั้งนี้ จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 8% ในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์ลดลง 7% ในสัปดาห์ที่แล้ว และลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เฉลี่ยเพื่อการจำนองแบบคงที่ระยะเวลา 30 ปี สำหรับวงเงินกู้ไม่เกิน 726,200 ดอลลาร์ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 6.78% จากระดับ 6.75% ในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นักลงทุนจับตาการประกาศผลประกอบการของบริษัทเทสลา อิงค์ หลังจากปิดตลาดในวันนี้ รวมทั้งการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2566 ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว 2.0% ในไตรมาส 4/2566 หลังจากมีการขยายตัว 2.2%, 2.1% และ 4.9% ในไตรมาส 1, 2 และ 3 ตามลำดับ ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.4% ในไตรมาส 4/2566

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะชะลอตัวลง โดยปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี เท่ากับเดือนพ.ย. ที่ขยายตัว 2.6% เมื่อเทียบรายเดือน คาดว่าดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค.หลังจากปรับตัวลง 0.1% ในเดือนพ.ย.