ดัชนีดาวโจนส์บวกต่อ รับผลประกอบการบริษัทออกมาดีกว่าคาด

  • ได้แรงหนุนงบประมาณปีนี้ไม่น่ามี “ชัตดาวน์”
  • คาดเฟดลดดอกเบี้ย 0.25% กระตุ้นเศรษฐกิจ
  • ไอเอ็มเอฟ ปรับลดประมาณการเติบโตทั่วโลก

เมื่อเวลาประมาณ 21.40 น.ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจน์ เคลื่อนไหวอยู่ที่ 27,263.39 จุด เพิ่มขึ้น +91.49 หรือเพิ่มขึ้น 0.34% ขณะที่ดัชนีแนสแด็กส์ คอมโพซิท เคลื่อนไหวอยู่ที่ 8,212.64 จุด เพิ่มขึ้น +8.50 จุดหรือเพิ่มขึ้น 0.10% ด้านดัชนีเอสแอนด์พี 500 ใกล้เคียงกับ 3,000 จุด อยู่ที่ 2,993.39 จุด เพิ่มขึ้น 8.36 จุด หรือเพิ่มขึ้น 0.28%

โดยได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่ออกมาในช่วงก่อนหน้า ซึ่งหลายบริษัทออกมาดีเกินคาด หลังจากที่บริษัทจำนวนมากกว่า 18% ของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งในจำนวนดังกล่าว ราว 79% ได้รายงานตัวเลขกำไรสูงกว่าคาด

นอกจากนั้น บริษัทโคคา โคล่า ได้เปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ในไตรมาส 2 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ราคาหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยี เปิดเผยผลประกอบการที่สดใส

นักลงทุนยังรอการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ที่จะทยอยออกมา โดยบริษัทจำนวนมากกว่า 25% ในดัชนีเอสแอนด์พี 500 จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ แมคโดนัลด์ และโบอิ้ง รวมถึงบริษัทในกลุ่ม FANG ซึ่งได้แก่ เฟซบุ๊ก อเมซอน เน็ตฟลิกซ์ และอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล

ตลาดยังได้แรงหนุน จากกรณีที่ทำเนียบขาวและสภาคองเกรส สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับงบประมาณรายจ่ายฉบับใหม่ ซึ่งจะทำให้มีการปรับเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐเป็นเวลา 2 ปี และสามารถหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ครั้งใหม่ได้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 3.2% จากเดิมที่ระดับ 3.3% ซึ่งมีการคาดการณ์ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าระดับ 3.5% ซึ่งมีการคาดการณ์ในเดือนม.ค.

ไอเอ็มเอฟ ระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า, ความกังวลเกี่ยวกับการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงยังคงมีแนวโน้มในช่วงขาลง

ส่วนประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ในวันที่ 30-31 ก.ค.นี้ นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ส่วนใหญ่ระบุว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%