ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งเหว ร่วงแรงกว่า 767 จุดหลังจีนปล่อยเงินหยวนอ่อน เปิดสงครามค่าเงินซ้ำเติมสงครามการค้า

  • นักลงทุนระบุ “วันนี้เป็นวันเลวร้ายที่สุดของปี”
  • ดัชนีดาวโจนส์ลงแรงระหว่างลบต่ำสุด 962 จุด
  • ห่วงจีนใช้มาตรการหยวนอ่อนตอบโต้สงครามการค้า

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 5 ส.ค.ปิดที่ 25,717.74 จุด ดิ่งลงอย่างรุนแรง 767.27 จุด หรือ -2.90% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิท ดิ่งลงแรงไม่แพ้กันปิดที่ 7,726.04 จุด ลดลง 278.03 จุด หรือ -3.47% ด้านดัชนีเอสแอนพี 500 ปิดที่ 2,844.74 จุด ลดลง 87.31 จุด หรือ -2.98%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบติดต่อกัน 5 วันทำการ หลังนักลงทุนมีความกังวล สงครามการค้าระหว่างจีนสหรัฐฯ ที่ปะทุรอบใหม่ และมีท่าทีจะรุนแรงกว่าเดิม เมื่ออาจจะมีการใช้ “สงครามการค่าเงิน” มาใช้ในการต่อสู้ร่วมด้วย ซึ่งถือว่าจะทำให้สถานการณ์บานปลายกระทบเงินทุนเคลื่อนย้ายทั่วโลก

วันที่ถือเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดของปีนี้ สำหรับนักลงทุน ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างรุนแรงตั้งแต่เปิดตลาด และร่วงลงไปแตะจุดต่ำสุดที่ 962 จุด ก่อนที่จะดีดตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่จีนปล่อยให้หยวนอ่อนค่าลงอย่างมากทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้ แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี ถือเป็นมาตรการตอบโต้คำขู่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน หลังจากที่ธนาคารกลางจีนเคยสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลกในปี 2558 โดยการประกาศปรับลดค่าเงินหยวนในปีดังกล่าว เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออก และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

นอกจากนี้ จีนยังได้ประกาศระงับการนำเข้าสินค้าเกษตรจากสหรัฐ และจีนอาจเรียกเก็บภาษีจากสินค้าเกษตรของสหรัฐซึ่งจีนได้ซื้อมาก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาทวีตระบุถึงการกระทำดังกล่าวว่า จีนตั้งใจปั่นค่าเงิน เช่นเดียวกระทรวงการคลังสหรัฐได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดระบุว่า จีนได้กระทำการปั่นค่าเงิน ด้วยการปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าลงต่ำกว่าระดับ 7 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 ปี และสหรัฐจะร่วมมือกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เพื่อขจัดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมจากจีน

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งอ่อนไหวต่อประเด็นการค้าระหว่างประเทศนั้น ร่วงลงอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทโบอิ้งและแคทเธอร์พิลลาร์ซึ่งมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 2.53% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 2.3% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 3.8% หุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 3.1% หุ้น 3M ดิ่งลง 3.4% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (GE) ร่วงลง 3.3% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ดิ่งลง 3.60%

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพที่เข้าไปลงทุนจำนวนมากในประเทศจีนได้ปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ดิ่งลง 5.2% หุ้นบรอดคอม ดิ่งลง 3.9% หุ้นอินเทล ร่วงลง 3.5% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ดิ่งลง 4.8% หุ้น Nvidia ร่วงลง 6.4% และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) ดิ่งลง 4.9% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 3.4% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 3.47% หุ้นเน็ตฟลิตซ์ ดิ่งลง 3.5% และหุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 3.2%