ดัชนีดาวโจนสปิดลบ 162จุด กังวลเงินเฟ้อสูง-เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย

.นักลงทุนหวั่นอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงกดดันเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย
.ดัชนีหุ้นร่วงต่อเนื่องเป็นวันที่3 จากแรงขายหุ้นลดความเสี่ยง
.อย่างไรก็ตาม มีแรงเข้าช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงท้ายตลาด หลังร่วงแรงหลายวัน

ชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 10 ม.ค.ที่ 36,068.87 จุด ลดลง 162.79 จุด หรือ -0.45%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,670.29 จุด ลดลง 6.74 จุด หรือ -0.14% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 14,942.83 จุด เพิ่มขึ้น 6.93 จุด หรือ +0.05%

นักลงทุนเทขายหุ้นต่อเนื่อง หลังนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะดีดตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง กดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากกว่า 90% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)

แจน ฮัตซีอุส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลในเดือนก.ค.หรือเร็วกว่านั้น เมื่อพิจารณาจากตลาดแรงงานของสหรัฐที่อยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก

นักลงทุนจับตาตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้ ซึ่งอาจบ่งชี้แนวโน้มนโยบายการเงินของเฟด

โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 7.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 6.8% ในเดือนพ.ย.

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง 1.2% โดยหุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 2.88% หุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 1.14% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดิ่งลง 1.95% หุ้น 3M ร่วงลง 1.41%

หุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวลง 0.99% โดยหุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ร่วงลง 3.68% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ลดลง 0.62% หุ้นนูคอร์ คอร์ปอเรชัน ดิ่งลง 2.25% หุ้นยูเอส สตีล คอร์ป ร่วงลง 2.8%

หุ้นไนกี้ ดิ่งลง 4.14% หลังจากนักวิเคราะห์ของเอชเอสบีซีปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไนกี้ลงสู่ระดับ “Hold” จากระดับ “Buy” โดยระบุว่ายอดขายของไนกี้ในประเทศจีนมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีก หลังจากที่ร่วงลง 24% ในช่วงเดือนก.ย.-พ.ย. 2564 แตะที่ระดับ 1.844 พันล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ริค เมคเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Cherry Lane Investments กล่าวว่า นักลงทุนส่วนหนึ่งได้เข้ามาช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงท้ายตลาด ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ฟื้นตัวขึ้นปิดในแดนบวก โดยหุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 3.31% หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 3.03% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.21% หุ้น NVIDIA บวก 0.56%

ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ดีดตัวขึ้นเนื่องจากแรงซื้อในช่วงท้ายตลาดเช่นกัน โดยหุ้นไฟเซอร์ บวก 0.93% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 2.58% หุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) บวก 0.24% หุ้นโมเดอร์นา ทะยานขึ้น 9.28%