

“ณัฏฐพล”ติงนักเรียน ไม่ใช่มีสิทธิเสรีภาพแล้วจะทำทุกอย่างได้ตามใจชอบ แนะลองเอารธน.แต่ละฉบับไปศึกษาดูว่าแตกต่างอย่างไร พร้อมไฟเขียวเปิดเวทีให้แสดงความเห็นถึง 15 ก.ย. ยันไม่ก้าวก่าย ไม่ตัดคะแนน ให้อำนาจ ผอ.-ครู คุยเด็กนักเรียน
วันที่ 25 สิงหาคม 2563 เวลา 08.00 น. ที่โรงแรมสตาร์ คอนเวนชั่น จ.ระยอง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์กรณีการเคลื่อนไหวของนักเรียนในโรงเรียนที่มีประเด็นหมิ่นเหม่ต่อสถาบันฯว่า การแสดงออกถือเป็นสิทธิของบุคคลอะไรที่สร้างความแตกแยก ที่ไม่เหมาะสมก็อยากให้คำนึงถึงจุดนี้ ถ้าหากเป็นการก้าวร้าวหรือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมก่อให้เกิดความแตกแยก ผู้อำนวยการโรงเรียนสามารถเข้าไปพูดคุยและตักเตือนได้ ไม่ใช่ว่ามีสิทธิเสรีภาพแล้วจะทำทุกอย่างได้ตามใจชอบ เพราะเราก็เปิดสถานที่ให้มีการพูดคุยกันแล้วและมีการรับฟังความคิดเห็นผ่านทางสภานักเรียนมีกรอบเวลาที่ชัดเจนให้พูดคุยตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 ก.ย. ในช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้แสดงความคิดเห็นจากนั้นจะรวบรวมมาเป็นภาพรวมของทั้งประเทศ และจะนำประเด็นหลักที่เป็นไฮไลท์ของนักเรียนมาจัดลำดับโดยดูความต้องการของนักเรียนส่วนใหญ่ให้อยู่ในลำดับต้น แล้วมาพิจารณาดูว่าเรื่องใดสามารถแก้ไขได้โดยต้องดูความเหมาะสมประกอบกันด้วย
นายณัฏฐพล กล่าวว่า แต่เรื่องใดยังไม่ถึงเวลาถ้าทำไปแล้วเกิดผลกระทบในวงกว้างก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจเพื่อให้เกิดการสื่อสารสองทาง เมื่อรับฟังแล้วนำไปแก้ไขแล้วสื่อสารกลับ ดังนั้นตนจึงเห็นว่าควรพูดคุยกันโดยสันติวิธี ที่ไม่ให้ฝ่ายที่เห็นต่างเกิดความรู้สึกอึดอัดซึ่งเป็นแนวทางที่น่าจะปฏิบัติกันทั่วโลกและเป็นหนึ่งในวิธีที่เยาวชนน่าจะใช้เวทีนี้ในการแสดงออก
ส่วนกรณีที่ว่าจะให้อำนาจผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้จัดระเบียบโดยที่กระทรวงจะยังไม่เข้าไปสั่งการอะไรใช่หรือไม่ นายณัฏฐพล กล่าวว่า ในประกาศกระทรวงที่ออกไป เปิดโอกาสให้ผู้อำนวยการโรงเรียนบริหารจัดการผ่านคณะกรรมการสถานศึกษา สภานักเรียน ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการแสดงความคิดเห็นภายในช่วงเวลาที่วางไว้
เมื่อถามว่ามีข้อร้องเรียนว่ามีการใช้เรื่องการตัดคะแนนและทุนการศึกษามาเป็นเงื่อนไขต่อการแสดงความคิดเห็นและการพูดคุยของนักเรียน นายณัฏฐพล กล่าวว่า “ไม่ และเท่าที่ได้รับฟังมาทุกโรงเรียนก็เปิดรับฟังความคิดเห็นโดยไม่เกี่ยวข้องกับการตักเตือนและตัดคะแนนแต่อย่างใด ซึ่งการพูดคุยในโรงเรียนครูจะดูความเหมาะสมอยู่แล้ว ผมมั่นใจ จากที่เช็คมาหลายสิบโรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนและครูมีแนวทางที่ต่างกันไป บางคนรับฟังแล้วแนะนำให้นักเรียนไปทำกิจการเพิ่มเติมว่าเข้าใจเรื่องที่เรียกร้องจริงหรือไม่ เช่นการเรียกร้องเรื่องรัฐธรรมนูญ ก็ให้นักเรียนไปเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 กับ 2550 และ 2560 แล้วมาพูดคุยกันว่าความเห็นของนักเรียนแตกต่างกันอย่างไร นี่ถือเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ เพราะบางครั้งนักเรียนก็ไม่รับทราบรายละเอียดของรัฐธรรมนูญที่แตกต่างกันในแต่ละฉบับถือเป็นความร่วมมือของโรงเรียนและนักเรียนหาความรู้ที่แท้จริง ยืนยันว่าจะไม่มีการคุกคามเรื่องคะแนนหรือความรู้สึกที่ทำให้นักเรียนอึดอัด และไม่คิดว่านักเรียนจะอึดอัดถ้ามีเวทีแสดงออกที่ชัดเจนผ่านระบบของโรงเรียนที่มีสภานักเรียน มีผู้อำนวยการ ทั้งนี้หากใครมีข้อมูลว่าสถานศึกษาใดไปดำเนินการในลักษณะไม่เหมาะสมให้แจ้งมาที่กระทรวงได้”
เมื่อถามว่า วันที่ 27 ส.ค.ที่กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ที่จะเปิดเวทีเชิญแกนนำนักศึกษาแสดงความคิดเห็นกระทรวงศึกษาไปร่วมรับฟังด้วยหรือไม่รมว.ศึกษากล่าวว่า ถ้าหากแกนนำนักศึกษาและนักเรียนรวมกันได้ก็ยินดีที่จะไปร่วมพูดคุย แต่ถ้าเป็นเวทีเฉพาะนักศึกษาอย่างเดียว อว.ก็รับหน้าที่ดำเนินการตรงนั้น