

มีรายงานข่าวเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา รัฐบาลญี่ปุ่นได้จัดสรรงบประมาณซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 220,000 ล้านเยนหรือราว 2.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 70,500 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือธุรกิจของญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ย้ายฐานการผลิตออกมา เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สร้างผลกระทบให้กับซัพพลายเชนระหว่างคู่ค้ารายใหญ่
โดยงบประมาณก้อนแรกเพื่อชดเชยบริษัทเอกชนที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักเพื่อช่วยให้ย้ายฐานการผลิตออกจากจีนได้ และอีกจำนวน 23,500 ล้านเยนสำหรับผู้ที่ต้องการย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆ
การเคลื่อนไหวดังกล่าวสอดคล้องกัยสิ่งที่ควรจะเป็นการเฉลิมความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ กำหนดการเดิม ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง มีกำหนดการไปเยือนญี่ปุ่นในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้ ซึ่งจะเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ก็เลื่อนออกไปเจอโรคระบาดและยังไม่มีการกำหนดการใหม่
ประเทศจีนเป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นภายใต้สถานการณ์ปกติ แต่การนำเข้าจากประเทศจีนลดลงเกือบครึ่งในเดือนกุมภาพันธ์เนื่องจากโรงงานที่มีโรคระบาดทำให้ผู้ผลิตญี่ปุ่นจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่จำเป็นเพื่อการผลิต
และมีการหารือที่ลดการพึ่งพาจีนในการเป็นฐานการผลิต ทางตัวแทนของรัฐบาลญี่ปุ่นมองการลงทุนในอนาคตเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้ หารือถึงความจำเป็นของโรงงานผลิตสินค้าขั้นสูงจะกลับไปผลิตในญี่ปุ่นและสำหรับการผลิตสินค้าอื่น ๆ ที่จะกระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“ชินิชิ เซกิ” นักเศรษฐศาสตร์ จากสถาบันวิจัยของญี่ปุ่น กล่าวเพิ่มเติมว่า จะมีการเคลื่อนย้ายฐานผลิตออกจตากจีน ซึ่งบริษัทญี่ปุ่นบางแห่งที่ผลิตสินค้าในจีนเพื่อการส่งออกกำลังพิจารณาที่จะย้ายออก ดังนันการได้งบจากรัฐบาลช่วยเหลือ จะเป็นแรงผลักดันให้แน่นอน แต่บริษัท ต่าง ๆ เช่นผู้ผลิตรถยนต์ที่ผลิตเพื่อตลาดในประเทศจีนจะยังคงอยู่ต่อไป
จากการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์โดย Tokyo Shoko Research Ltd. พบว่า 37% ของกว่า 2,600 บริษัทที่ตอบว่าต้องการย้ายฐานผลิตออกไปเพื่อหนีไวรัสโควิด19
แต่นโยบายนี้จะส่งผลกระทบต่อความพยายามของนายกรัฐมนตรี “ชินโสะ อาเบะ” กับความพยายามเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กับจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา