“ซีบีอาร์อี” แนะตลาดที่อยู่อาศัยไทยต้องปรับตัว หลังเผชิญความท้าทายโควิด คาดปี 64 จะฟื้นตัวดีขึ้น



นายรัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ หัวหน้าแผนกวิจัยและที่ปรึกษาการพัฒนาโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก เปิดเผยว่า ปริมาณคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 (ม.ค.-ก.ย.) ลดลงเหลือ 18,630 ยูนิต คิดเป็นลดลง 56.6% จากปีที่แล้ว เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการได้มีการปรับกลยุทธ์ใหม่และมุ่งเน้นไปที่การสร้างรายได้แบบรวดเร็ว เพื่อจัดการกับกระแสเงินสดในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการลดราคาและการทำการส่งเสริมการขายสำหรับยูนิตเหลือขายที่พร้อมโอนกรรมสิทธิ์กันมากขึ้น โดยบางโครงการมีการลดราคากันถึง 20%-25%

รัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ

ทั้งนี้ในด้านความเสี่ยง อาจมีการผิดนัดโอนกรรมสิทธิ์จากลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อตั้งแต่ช่วงก่อนช่วงโควิด-19 จะระบาด ซึ่งในช่วงที่ยังใช้มาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ผู้พัฒนาโครงการยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายในการโอนยูนิตให้กับผู้ซื้อชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีน ที่ไม่สามารถเดินทางมาโอนกรรมสิทธิ์ได้แม้จะมีความประสงค์จะโอนกรรมสิทธิ์ก็ตาม จึงมีความเป็นไปได้ว่าผู้ซื้อชาวต่างชาติบางรายที่อาจไม่สามารถโอนยูนิตของตนเอง และทำให้ยูนิตที่ถูก “ขาย” ออกไปก่อนหน้านี้กลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง

นอกจากนี้ แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี ยังเปิดเผยด้วยว่า โควิด-19 ยังส่งผลให้พฤติกรรมและมุมมองในเรื่องที่พักอยู่อาศัยของผู้ซื้อเปลี่ยนแปลงไป ปัจจุบันพนักงานในบริษัทหลายแห่งสามารถเลือกทำงานจากที่บ้านได้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ฟังดูเหมือนจะสะดวกสบายในช่วงก่อนโควิด-19 และได้ส่งผลให้การใช้พื้นที่ภายในส่วนที่อยู่อาศัยของเราเปลี่ยนแปลงไป โดยในปัจจุบันพื้นที่ที่โฆษณาว่าเป็นห้องทำงาน หรือพื้นที่ที่มีความยืดหยุ่น ถือเป็นคุณสมบัติเด่นที่ผู้ซื้อให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะนี้ที่ผู้คนสามารถทำงานที่บ้านได้มากขึ้น

“ท่ามกลางความท้าทายและการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ตลาดยังคงมีความเคลื่อนไหวอยู่  มีโครงการที่หลากหลายและอยู่ในระดับราคาที่ดีทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองตากอากาศชั้นนำ ด้วยข้อจำกัดในการเดินทางซึ่งรวมถึงการเดินทางไปต่างประเทศ จึงทำให้ผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ไทยใช้เวลาในช่วงวันหยุดในแหล่งท่องเที่ยวภายในประเทศ ซีบีอาร์อีได้เห็นถึงความต้องการที่ยังมีอยู่มากในตลาดบ้านหลังที่สองในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญอย่างภูเก็ต หัวหิน และพัทยา ผู้พัฒนาโครงการมีโอกาสในการดึงดูดกลุ่มลูกค้าระดับบน หากเข้าใจช่องว่างในตลาดและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค” นายรัฐวัฒน์ กล่าว

ส่วนในด้านสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย แผนกวิจัย ซีบีอาร์อี พบว่าในไตรมาส 3 ปี 2563 สินเชื่อใหม่เพื่อที่อยู่อาศัยกลับมามีปริมาณเพิ่มขึ้น 12.7% จากไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 3.1% หากเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าสินเชื่อดังกล่าวอาจจะมาจากความต้องการสะสมก่อนที่จะคลายมาตรการล็อคดาวน์ แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีที่ชี้ให้เห็นว่า ยังคงมีความต้องการอยู่ในตลาด

 น.ส.อาทิตยา เกษมลาวัลย์ ผู้อำนวยการ แผนกซื้อขายที่พักอาศัย ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่าประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่รับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงมีกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติที่สอบถามเข้ามาเกี่ยวกับโครงการต่างๆ ที่มีการเสนอขาย แม้ว่าซีบีอาร์อียังได้รับการติดต่อสอบถามถึงโครงการต่างๆ จากลูกค้าชาวต่างชาติในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ช่วงเวลาที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของตลาดต่อไปในอนาคตคือเมื่อมีการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยในแง่ของยอดขายในตลาดที่อยู่อาศัย แต่ยังรวมถึงเศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน เนื่องจากปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยยังคงขับเคลื่อนด้วยธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

อาทิตยา เกษมลาวัลย์

อย่างไรก็ตาม ข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของวัคซีนสำหรับโควิด-19 จากบริษัทต่างๆ ในช่วงนี้ได้เพิ่มความเชื่อมั่นในตลาดโลก เมื่อมีการแจกจ่ายวัคซีนออกไป เป็นที่คาดว่าความเคลื่อนไหวและความเชื่อมั่นในตลาดจะกลับมาฟื้นตัว ทว่ายังคงมีผลกระทบจากโควิด-19 ที่ยังต้องได้รับการเยียวยา ซึ่งก็คาดการณ์ว่าตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2564 จะค่อยๆฟื้นตัว แต่จะยังไม่กลับไปสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิด-19 

ส่วนจะต้องอาศัยระยะเวลาเท่าใดที่จะกลับมาฟื้นตัวเต็มที่นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณความต้องการในตลาดว่า จะกลับมาสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนโควิด-19 หรือไม่ ซึ่งจะสัมพันธ์กับสภาพเศรษฐกิจ