

- เผยคลายล็อกเฟส 5 กลุ่มกิจการความเสี่ยงสูง ต้องมีกฎหมายดูแล
- ย้ำกฎหมายนี้ ไม่มีการลิดรอนสิทธิ์ประชาชน
พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการคนในข่าว ทาง Mcot FM 100.5 News Network ถึงประเด็นการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน ในขณะที่กลุ่มและพรรคการเมืองเรียกร้องให้ยกเลิกเนื่องจากไม่พบการระบาดของเชื้อโควิด-19 จากคนในประเทศว่า การไม่พบผู้ติดเชื้อในประเทศตลอดช่วงเวลา 30 กว่าวันมานี้ แสดงให้เห็นว่าพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นกฎหมายที่ใช้ควบคุมและป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยก็ได้ชี้ให้เห็นว่า กฎหมายนี้ยังคงมีความจำเป็นต้องบังคับใช้อยู่ เพราะในการประกาศกิจการผ่อนคลายเฟส 5 ประกอบด้วยสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด และโรงเรียน ในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ถือเป็นกิจการที่มีความเสี่ยงสูง จึงควรมีกฎหมายคอยกำกับดูแลไว้ และหากจะบอกว่ามี พรบ.ควบคุมโรคติดต่อมาดูแลแล้วก็ถือว่ายังไม่เพียงพอ เพราะ พรบ.โรคติดต่อเหมาะใช้ในการแก้ปัญหากรณีมีการแพรร่รระบาด แตกต่างจากพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่ใช้สำหรับการป้องกันด้วย
“กฎหมายโรคติดต่อให้เฉพาะเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขในการปฎิบัติงาน ซึ่งไม่เพียงพอ กับสถานการณ์อย่างที่เป็นอยู่ซึ่งต้องใช้ ตำรวจ และทหารเข้าไปร่วมด้วย หรือถ้ามีกฎหมายไหนที่ใช้ได้ดีกว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็ขอให้บอกมา สมช.ก็พร้อมจะนำไปพิจารณาใช้ อยากบอกว่าอย่ารังเกียจรังงอนกับพ.ร.ก.ฉุกเฉินนักเลย ตั้งแต่ยกเลิกเคอร์ฟิวส์ สำหรับประชาชนทั่วไป กฎหมายนี้ไม่ได้ไปริดรอนสิทธิเสรีภาพใครเลย เราไม่ได้ใช้ในเรื่องการเมือง จะเห็นจากวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา มีการชุมชุมเคลื่อนไหวการเมืองหลายพื้นที่ ก็ไม่ได้นำพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปจับกุมหรือควบคุมใคร ดังนั้นต้องถามว่า ทำไมต้องไปกังวลกับกฎหมายฉบับนี้มากนัก เราต้องดูที่ผลลัพท์การจัดการโรคดีกว่า จะกลัว พ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือกลัวเชื้อโรคกันแน่” พล.อ.สมศักดิ์ กล่าว