สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “ไมเคิล ฟลอร์” ชายวัย 70 ปี ชาวเมืองซีแอตเทิ่ล รัฐวอชิงตัน ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลหลังจากป่วยติดเชื้อโควิด-19 เป็นเวลา 62 วันและรักษาหายแล้ว เมื่อเห็นบิลค่ารักษาเกือบจะฆ่าเขาเช่นกัน
“ผมเปิดขึ้นมาดูและพูด, Holy (คำหยาบคาย)” เขาพูดตามรายงานของหนังสือพิมพ์ซีแอตเทิ่ล ไทมส์ บิลค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น 181 หน้าและค่ารักษาทั้งหมด 1.1 ล้านดอลลารสหรัฐฯ หรือประมาณ 34 ล้านบาท
เขายังมีความโชคดีเพราะว่ามีประกันภัยคุ้มครองค่าใช้จ่ายรวมโครงการประกันสุขภาพของรัฐบาลด้วย ทำให้เขาจ่ายเพียงส่วนเล็ก ๆ เท่านั้น รายงานข่าวระบุด้วยว่า ในความเป็นจริงเขาอาจไม่ต้องจ่ายอะไรเลยเพราะเขาได้ป่วยจากไวรัสโควิด-19
หนังสือพิมพ์ซีแอตเทิ่ล ไทมส์ ได้รายงานค่าใช้จ่ายหลักๆดังนี้
408,912 ดอลลาร์ สำหรับการอยู่ในห้องไอซียูแบบพิเศษเนื่องจากติดเชื้อไวรัสโควิด-19
100,000 ดอลลาร์ สำหรับการรักษาเนื่องจากหัวใจ, ไตและปอดของเขาเกือบทั้งหมดล้มเหลวในระหว่างการเข้าพัก
82,215 ดอลลาร์ สำหรับการใช้เครื่องช่วยหายใจ 29 วัน
มีรายงานจากหนังสือพิมพ์ลอสแอนเจลิสเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า ค่ารักษาพยาบาลในประเทศสหรัฐฯ จะมีสูงกว่าประเทศที่ร่ำรวยอื่นๆ
“ผมรู้สึกผิดเกี่ยวกับการมีชีวิตรอด” ฟลอร์ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ ซีแอตเทิ่ล ไทม์ส “มีความรู้สึก ทำไมต้องเป็นผม เหตุใดผมจึงสมควรได้รับสิ่งนี้ทั้งหมด ดูที่ค่าใช้จ่ายที่เหลือเชื่อทั้งหมดนี้เพิ่มความผิดของผู้รอดชีวิตอย่างแน่นอน”
เขา กล่าวด้วยว่า ความผิดส่วนใหญ่เกิดจากการรู้ว่าผู้เสียภาษีและลูกค้าประกันอื่น ๆ จะมีต้นทุนสูงขึ้นจากการรักษาเขาให้มีชีวิตอยู่
“มันเป็นเงินหนึ่งล้านเหรียญเพื่อช่วยชีวิตผมและแน่นอนผมจะบอกว่าเงินใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า” เขากล่าว “แต่ผมก็รู้ด้วยว่าผมอาจเป็นคนเดียวที่พูดเช่นนั้น”