“ชวน” ลั่น! สภาล่มทำภาพพจน์เสียหาย ยันชัดทำหน้าที่ประธานไม่มีลำเอียง



วันนี้ (7 ก.พ.65) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการมุมการเมือง ทาง ThaiPBS ถึงปัญหาสภาล่มซ้ำซาก โดยเฉพาะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่เกิดเหตุการณ์สภาฯล่มถึง 2 ครั้ง โดยยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ทำให้ภาพพจน์ของสภาเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่สภาล่ม ซึ่งฝ่ายค้านเองก็ยอมรับว่าจะไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม เพราะต้องการขับไล่นายกรัฐมนตรี และตอนนี้ก็เป็นข้อถกเถียงว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบองค์ประชุม ซึ่งตามหลักแล้วคือต้องร่วมรับผิดชอบทั้งสองฝ่าย แต่ระบบรัฐสภาคนที่จะเป็นรัฐบาลได้ต้องมีเสียงข้างมาก ดังนั้น รัฐบาลที่มีเสียงข้างมากก็ต้องดูแลองค์ประชุมของตัวเองด้วย 

ทั้งนี้ มีการลงมติเหมือนแก้แค้นกัน เช่นเรื่องคลองไทยไม่ผ่าน เจ้าของเรื่องคลองไทยก็โกรธ ดังนั้น เรื่องต่อมาก็เลยไม่รับ ซึ่งก็ต้องลงมติ ตรวจสอบองค์ประชุม

“ส่วนตัวไม่ยอมแพ้ง่ายๆ รอให้สมาชิกเข้ามาร่วมในห้องประชุม แต่ก็มีสมาชิกไม่พอใจ ที่รอนานไปในที่สุดองค์ประชุมก็ไม่ครบ และข้อเท็จจริงดูในช่วงนั้นองค์ประชุมครบแต่สมาชิกไม่กดบัตรแสดงตน ซึ่งก็สามารถทำได้ โดยปัจจุบันมีการใช้บ่อยต่างจากสมัยก่อน เป็นเรื่องที่ต้องระวัง” นายชวน กล่าว

นายชวน ยังกล่าวว่า ปัจจุบันมีคณะกรรมการประสานงานจะติดต่อประสานงานกัน แต่ก็ต่างจากสมัยก่อน ที่สมัยก่อนนายกรัฐมนตรีจะเป็นหัวหน้าพรรคการเมือง และจะมีตัวแทนชัดเจน แต่ปัจจุบันยังไม่ชัดว่าต้องติดต่อใคร จึงต้องติดต่อกับตัวแทนผู้ควบคุมเสียง ที่อาจคุมเสียงไม่ได้ ต่างจากอดีตที่หัวหน้าพรรคการเมืองจะคุมเสียงได้ ทำให้ความร่วมมือเข้าประชุมไม่มีปัญหาเหมือนปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นข้อแตกต่าง

ทั้งนี้นายชวน ยังกล่าวถึงมาตรการแก้ปัญหาสภาล่มว่า ในรัฐธรรมนูญมีกำหนดบทลงโทษหากผู้ใดขาดประชุม แต่ปัจจุบันมีการลงชื่อเข้าร่วมประชุมเพียงแต่ไม่ยอมแสดงตนเป็นองค์ประชุม จึงจะถือว่าไม่มาร่วมประชุมไม่ได้

ส่วนการทำหน้าที่ประธานควบคุมการประชุมสภาฯ ที่ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตถึงความลำเอียงในการทำหน้าที่ นายชวนยืนยันว่า ไม่ลำเอียง เพราะทำเช่นนั้นไม่ได้ เนื่องจากอยู่ในสายตา แต่ยอมรับว่า อาจทำให้ใครไม่ถูกใจ เนื่องจากต้องยึดความเป็นกลาง และยึดความถูกต้อง ซึ่งมองว่าไม่ใช่ปัญหา เพราะสมาชิกเกือบทุกคนยอมรับว่าตนทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลางมากที่สุด ให้โอกาสทุกคนมากที่สุด และเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ก.พ. นั้น นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่พูดกลางสภาไปตามอารมณ์ ว่าตนลำเอียง ก็มาขอโทษแล้ว