

- เผยประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เห็นด้วยว่าอภิปรายควรไม่เกิน 1 เดือน เมื่อเสนอญัตติไปแล้ว
- ชี้เพื่อไทยจ่อถอดหน้ากากคนดี พร้อมให้ความสำคัญการอภิปรายครั้งสุดท้าย เพื่อให้ประชาชนลงมติในคูหาเลือกตั้ง
- เปิดกระแสข่าวรัฐบาลดูฤกษ์ในการยุบสภา เพื่อให้ได้กลับมาสืบทอดอำนาจอีก คือวันที่ 14 ก.พ. 24 ก.พ. และ 7 มี.ค.
วันนี้ (16 ม.ค.66) ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตอบกลับว่ามีความพร้อมอภิปรายตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ.เป็นต้นไป พรรคร่วมฝ่ายค้านและผู้เสนอญัตติมองว่าเป็นเวลาที่เนิ่นนานเกินกว่าเหตุที่จำเป็น
ขณะที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็เห็นด้วยว่าอภิปรายควรไม่เกิน 1 เดือนเมื่อเสนอญัตติไปแล้วพรรคร่วมฝ่ายค้านจะอภิปรายครอบคลุมทุกเนื้อหาและเป็นประเด็นที่เกิดขึ้นในสังคม ยาเสพติด ทุนจีนสีเทา แต่งตั้งโยกย้ายส่วนราชการโดยมอบหมายหน้าที่ให้นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ดูเนื้อสาระอภิปราย ตั้งเป้าอยากได้เวลาไม่ต่ำว่า 22 ชั่วโมง ซึ่งมากกว่าครั้งที่ผ่านมา
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญเพราะการอภิปรายครั้งสุดท้าย เพื่อให้ประชาชนลงมติในคูหาเลือกตั้ง จะขอถอดหน้ากากคนดี ให้เห็นว่าคนดีที่แท้จริงคิดอะไร ส่วนบุคคลผู้อภิปรายของพรรคต้องถูกคัดเลือก ไม่ได้ในนามสมัครใจ บุคคลที่ถูกคัดเลือกจะอภิปรายประเด็นที่เป็นประโยชน์ในการเสนอปัญหาให้ครม.
ทั้งนี้ เมื่อถามว่า กลัวรัฐบาลจะชิงยุบสภาฯ ก่อนหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นประเด็นตนที่วิตกพอสมควร เพราะช่วงที่กำหนดวันอภิปรายทิ้งเวลาเนิ่นนาน เกรงว่าจะหนีอภิปราย มีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะยุบสภาฯ ก่อน 15 ก.พ. จริงหรือไม่ต้องติดตาม โดยเฉพาะหลังวันที่ 6 ก.พ. หาก ส.ส.ยังคงทำหน้าที่ต่อ โอกาสยุบสภาฯ มีสูง แต่ถ้าช่วงเวลาช่วงนั้น ส.ส.ลาออกเป็นส่วนใหญ่ ส่วนที่เหลือที่ย้ายพรรค โอกาสอยู่ครบเทอมเป็นไปได้สูง
“ได้ข่าวมาว่ามีการดูฤกษ์งามยามดีในการยุบสภา เพื่อให้ได้กลับมาสืบทอดอำนาจอีก คือวันที่ 14 ก.พ. , 24 ก.พ. และ 7 มี.ค. หากตรงตามข่าวว่าจะมีการยุบสภาฯ ก่อนวันที่ 15 ก.พ. ก็คือวันที่ 14 ก.พ.66 ที่เป็นวันแห่งความรัก ซึ่งวันดังกล่าวอาจจะกลายเป็นวันแห่งการเกลียดแทน ต่อให้พวกท่านถือฤกษ์งามยามดี แต่ประชาชนจะพิพากษาพวกท่านในคูหาเลือกตั้ง” นพ.ชลน่าน กล่าว
นอกจากนี้ เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลเพิ่มวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ถือเป็นการชิงความได้เปรียบของรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นการชิงความได้เปรียบอย่างแน่นอน แต่เราก็ดีใจกับประชาชนที่ได้เงินเพิ่มในภาวะวิกฤตที่รัฐบาลสร้างไว้แบบนี้ แต่เชื่อว่าประชาชนรู้ว่าเงินที่ได้คือภาษีอากรของเขาเอง และทำไมเพิ่งมาได้ตอนนี้ ทั้งที่เขายากลำบากมาก่อนหน้านี้ การอาศัยช่องว่างทางกฎหมายมาเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น แต่ไม่สามารถเอาเปรียบประชาชนที่เป็นเจ้าของภาษีไม่ได้