

- วางตัวเป็นกลางตอบสนองทุกพรรค
- มีความรู้ ความสามารถ มีวุฒิภาวะ
- เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยยืนยันสูตร 14+1 คือพรรคก้าวไกลได้ 14+1 คือนายกรัฐมนตรี ส่วนพรรคเพื่อไทยได้บวกหนึ่งคือประมุขฝ่ายนิติบัญญัติหรือตำแหน่งประธานสภาฯ ทั้งนี้ กรรมการบริหารพรรคเห็นควรยืนสูตร 14+1 เหมือนเดิม และให้คณะเจรจาของพรรคไปเจรจาตามหลักการเดิมที่เคยเสนอไว้ตอนแรก ในส่วนของการประชุม ส.ส.พรรคนั้น ข้อเสนอของสมาชิกยังคงประสงค์และยืนยันว่าขอให้เจรจาตามหลักการเดิม คือ 14+1 โดยเห็นว่าพรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภาฯ

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ กรรมการบริหารพรรคเห็นว่าเป็นตำแหน่งสำคัญ ควบคุมกำกับดูแลการทำงานของสภาฯ ต้องวางตัวเป็นกลางตอบสนองทุกพรรค มีความรู้ ความสามารถ มีวุฒิภาวะ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ซึ่งกรรมการบริหารพรรคทราบว่าคณะเจรจาได้เสนอสูตร 14+1 เพราะเห็นว่ามีความเป็นธรรม ให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ที่ประชุมเห็นควรยืนยันสูตรดังกล่าวเพื่อนำเสนอพรรคก้าวไกลในการประชุมวันที่ 28 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะเป็นความชอบธรรม มีเหตุมีผลซึ่งคณะเจรจาต้องยืนในหลักการนี้ นี่ไม่ใช่การแก่งแย่งตำแหน่ง แต่เราเห็นความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ให้สำเร็จ พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าการมีประธานสภาของพรรคเพื่อไทยจะทำให้สภาเดินหน้าราบรื่น เรียบร้อย ทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้สมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ