

“ชฎาทิพ” แห่งสยามพิวรรธน์ เสนอไอเดียให้รัฐ “รีแบรนด์ดิ้ง” ประเทศไทยให้เร็ว หาจุดแข็งให้เจอ ท่ามกลางทั่วโลกกำลังแก้ปัญหาการแพร่ระบาด ต้องเคลื่อนไหวให้เร็วว่าหลังวิกฤตเราจะอยู่ตรงไหนของโลก เพราะขณะนี้ไทยมีความสามารถรับมือโควิดได้ดี มีทืมแพทย์ที่แข็งแกร่งและมาตรการรับมือที่ถุูกต้อง ส่วนค้าปลีกในอีก 3 เดิือนข้างหน้ายังเหนื่อย ต้องบริหารต้นทุนและสภาพคล่องให้ดี พร้อมเปิดโมเดลธุรกิจรีเทลใหม่รับชีวิตวิถีใหม่ของผู้บริโภค
นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย ต้องขอบคุณประชาชนชาวไทยที่ร่วมมือกันป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเต็มที่ และขอขอบคุณทีมแพทย์และรัฐบาลที่ใช่้มาตรการรับมือที่ถูกต้อง ทำให้ธุรกิจศูนย์การค้าที่จะกลับมาเปิดให้บริการในไม่กี่วันนี้นับว่ากลับมาได้เร็วกว่าที่คาดคิดกันไว้
สำหรับการประเมินว่าค้่าปลีกต่อไปจะเป็นอย่างไร ขอแบ่งเป็นช่วงสั้น มิ.ย.-ส.ค. ยังเหนื่อย ไม่ดีเลย ศูนย์การค้าเหลือจะต้องใช้พื้นที่ 5 ตารางเมตรต่อ 1 คน จากใซึ่งทำให้ขีดความสามารถรับลูกค้าได้หายไปหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ปกติ และมีคำถามต่อไปว่าลูกค้าอยากมาไหม เห็นคนเยอะก็ไม่อยากมา แต่เราต้องปรับวิธีการคิดใหม่ให้เข้าถึงลูกค้า อยากเห็น อยากได้อะไรไม่ว่าลูกค้าเหลืออยู่เท่าไรเราต้องอยู่ให้ได้ ลดค่าเช่า ลดภาระช่วยผู้เช่า พันธมิตรร้านค้าต่อไป นั่นคือหน้าที่ ความรับผิดชอบ ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะรอดจากวิกฤตนี้ แต่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตแล้วลุกขึ้นมาได้นั่นคือรางวัลชีวิตจะล้มอีกกี่ครั้งก็ต้องลุกขึ้นมาให้ได้
ธุรกิจค้าปลีกจะดีขึ้นไหม ตอบได้เลยไม่ดีเลยเพราะช่วงทำ social distancing ในศูนย์การค้าเหลือจะต้องใช้พื้นที่ 5 ตารางเมตรต่อ 1 คน ซึ่งจะทำให้ศูนย์การค้ามีขีดความสามารถรับลูกค้าได้หายไปหนึ่งในสามเมื่อเทียบกับเหตุการณ์ปกติ และมีคำถามต่อไปว่าลูกค้าอยากมาไหม เห็นคนเยอะก็ไม่อยากมา แต่เราต้องปรับวิธีการคิดใหม่ให้เข้าถึงลูกค้า อยากเห็น อยากได้อะไรไม่ว่าลูกค้าเหลืออยู่เท่าไรเราต้องอยู่ให้ได้ ลดค่าเช่า ลดภาระช่วยผู้เช่า พันธมิตรร้านค้าต่อไป นั่นคือหน้าที่ ความรับผิดชอบ
เสนอรัฐเร่งทำแบรนด์ดิ้งประเทศไทย
“ตอนนี้ขอพูดในนามประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง อยากให้รัฐบาลกำหนดทิศทาง “รีแบรนด์ดิ้งประเทศไทย” ในขณะนี้ เรามีต้นทุนของประเทศที่ดีกว่าประเทศอื่น เราจะเป็นแหล่งอาหารของโลก เรามีพร้อมสรรพ ขณะที่ประเทศอื่นยังมัวแต่แก่้ปัญหาโรคระบาดไม่สามารถนำเข้าอาหาร ไม่สามารถปลูก หรือคิดไปข้างหน้าว่าจะดูและประชาชนอย่างไรให้มีกิน ทำอย่างไรจะพลิกจุดแข็งของประเทศให้กลายเป็นประโยชน์ให้กับประเทศมากที่สุดหลังวิกฤต แต่เชื่อว่ารัฐบาลคงจะเตรียมนโยบายอย่างไร เรามีระบบการแพทย์ที่ดีมาก ทำให่้เราอยู่ได้ จะทำให้เราเป็นศูนย์กลางการแพทย์ที่คนทั่วโลกยอมรับกัน ได้แต่หวังว่าอีกสองสามอาทิตย์ข้างหน้าตัวเลขผู้ป่วยจะไม่พุ่งกลับมาอีก ถ้าเราคนไทช่วยกัน คนทั้งโลกเห็นแล้วอยากมาเมืองไทย เพราะเรามีระบบสุขภาพที่ดี”

นางชฎาทิพ กล่าวว่า ตอนนี้คนทั้่งโลกแพ้หมด แพ้กับโรคภัยไข้เจ็บ เศรษฐกิจไม่ดี ดังนั้นจะทำอย่างไรที่จะหาจุดแข็งของประเทศชาติิออกมาให้ได้ ไม่ได้พูดในฐานะเอกชนในฐานะนักธุรกิจ แต่พูดในฐานะคนไทย ว่าเราต้องมีความเชื่อมั่นในประเทศไทย นักท่องเที่ยวไม่ต้องห่วงเพราะไทยเป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวโหวตว่าอยากมามากที่สุดเพราะเรามีสิ่งที่คนอื่นไม่มีแตกต่างอย่างมีคุณค่า มีประเพณี วัฒนธรรม มีความสนุกสนานในการดำรงค์ชีวิตของความเป็นไทย เรามีมาตรฐาน มีบรรทัดฐานที่ดีของการมีชีวิตอยู่ ประเทศไทยมีความเสถียรในระดับหนึ่งการลงทุน
ไอคอนสยาม เราเป็นสูตรสำเร็จในยามช่วงรัฐบาล คสช. 5 ปี เราสามารถนำนักลงทุนจากต่างประเทศมาเปิดร้านค้าได้ ลักช์ชัวรี่แบรนด์ แบรนด์แอปเปิล จากสหรัฐที่ตัดสินใจเข้าลงทุน เพราะเขาเชื่อมั่น เราไปพรีเซ็นต์เชิญเขามาลงทุนในประเทศไทย เราไม่ได้พรีเซ็นต์ความเป็นไอคอนสยาม แต่ไปพรีเซนต์ภาพรวมของประเทศไทย ว่ามียุทธศาสตร์ชาติ มีวิสัยทัศน์อย่างไร ไม่เคยทำอะไรมามากถึงขนาดนั้น
“เราบินไปพรีเซ็นต์ว่าเรามีจุดแข็งเหนือกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคอย่างไร มีอะไรที่ดีบ้างในอีก 5 ปีข้างหน้าว่าประเทศไทยจะมีอะไรบ้าง นำผู้บริหารจากภาครัฐไปนั่งคุยกับผู้บริหารอินเตอร์แบรนด์ว่าอีก 5 ปีเราจะมีอะไรบ้่าง กรุงเทพมหานครจะเป็นอย่างไร มีรถไฟฟ้ากี่สาย ไทยสนับสนุนการลงทุนต่างชาติอย่างไร มีโครงการอะไรบ้่าง โครงการอีอีซีเป็นอย่างไร ซึ่งเขามองภาพไทยออกจึงมีความมั่นใจเข้ามาลงทุน ทำให้่ต่างชาติ อินเตอร์แบรนด์เอาเงินมาลงทุน มีการลงทุน การจ้างงานเสียภาษีอย่างถูกต้อง ขายได่้ดีด้วย สินค้าแบรนด์เนมหรูที่ขายในสยามพารากอน ในไอคอนสยาม บางประเภทขายดีกว่าในฮ่องกงและสิงคโปร์ และบางรายการขึ้นในระดับหนึ่งในยี่สิบของโลก
เปิดโมเดลรีเทลใหม่ Ecotopia รองรับชีวิตวิถีใหม่
สำหรับชีวิตวิถีใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยเป็นพฤติกรรรมใหม่ ซึ่งทางสยามพิวรรธน์ของนำเสนอไอเดียโมเดลค้าปลีกธุรกิจใหม่ เสนอสินค้าและบริการที่ตอบสนองชีวิตวิถีใหม่ โดยจะเปิด Ecotopia ณ สยามดิสคัฟเวอรี่ ซึ่งจะเป็นอีโค่คอมมูนิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย บนพื้นที่ 2,000 ตารางเมตร รวบรวมสินค้าเพื่อวิถีชีวิตยุคใหม่ที่ดีต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตอบสนองการใช้ชีวิตในทุกมิติ เช่น สินค้าเพื่อสุขภาพและรักษาสุขอนามัย สินค้าที่ผลิตโดยไม่ใช้สารเคมี สินค้าและอาหารออร์แกนิค สินค้าที่กระบวนการผลิตเป็นมิตรต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อม สินค้าที่ผลิตจากวัสดุเหลือใช้ สินค้ารียูส, รีไซเคิล
พร้อมกิจกรรมเวิร์คช้่อป เรียนรู้การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าเพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคม และโลกสร้างสรรค์จากความรู้ความเชี่ยวชาญของ ผู้นำ Eco community ในสาขาต่างๆ รวม 12 ท่านร่วมกับสยามพิวรรธน์ เพื่อให้เป็นพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสังคมแห่งความสุขที่เติบโตด้วยความยั่งยืนในโลกที่มีความสมดุลย์ของนวัตกรรมและธรรมชาติ และโมเดลนี้จะนำไปใช้ในสาขาอื่นๆ ต่อไป