- เบื้องต้น 10 ล้านชุดขายถูก-แจกฟรีให้คนไทย
- ลั่นยังไม่คุมราคาชุดตรวจโควิด-ยาฟ้าทะลายโจร
- หวั่นทำของขาดตลาดขอหารือกับอย.ชัดๆ ก่อน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงแนวทางการดูแลราคายาฟ้าทะลายโจร และชุดตรวจโควิด (Rapid Antigen Test) ว่า ปัจจุบันชุดตรวจโควิด มีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นผู้ดูแล และแม้ไม่กี่วันมานี้ รมว.สาธารณสุข จะออกประกาศอนุญาตให้ประชาชนสามารถซื้อมาใช้เองได้ แต่ก็ยังไม่มีผลทางการปฏิบัติจริง เพราะ อย.ยังอยู่ระหว่างการขึ้นทะเบียนผู้นำเข้า ดังนั้นกรณีที่พบเห็นว่ามีการเสนอขายบนแพลตฟอร์มขายสินค้าออนไลน์ในขณะนี้ จึงถือผิดกฎหมายของอย. และอย.จะเป็นผู้ดำเนินการเอง
อย่างไรก็ตาม การจะควบคุมราคาขายนั้น กระทรวงพาณิชย์รอข้อมูลรายละเอียดจาก อย.ก่อนว่าอนุญาตให้ผู้นำเข้ากี่ราย ปริมาณเท่าไร ราคาต้นทุนเท่าใด และอย.มีความเห็นควรกำหนดราคาขายอย่างไร เพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่สามารถกำหนดเองได้ เนื่องจากไม่มีข้อมูลด้านนี้ หากอย.ส่งข้อมูลทั้งหมดมาให้แล้ว กระทรวงพาณิชย์ก็พร้อมดำเนินการทันที
” เรื่องการคุมราคาไม่ยาก แต่การกำหนดราคาให้สอดคล้องกับความหลากหลายของยี่ห้อ คุณภาพ มาตรฐาน และราคาต้นทุนที่แตกต่างกัน จะต้องดูให้รอบคอบ เช่น กำหนดราคาแล้วจะเป็นการสกัดไม่ให้มีการนำเข้าหรือไม่ เพราะถ้านำเข้ามาแล้วไม่มีกำไร ก็จะไม่มีผู้นำเข้ามา สุดท้ายประชาชนจะไม่มีชุดตรวจใช้งาน”
นายจุรินทร์ กล่าวว่า ทางออกที่สุดในขณะนี้ ตนได้เสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ขอให้องค์การเภสัชกรรม เร่งนำเข้าชุดตรวจโควิดด้วยตัวเองมาให้มากที่สุดและเร็วที่สุด เพื่อนำมาจำหน่ายในราคาที่ถูกที่สุดแก่ประชาชน เพื่อเป็นราคาชี้นำในตลาด และขอให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เร่งรัดการนำเข้ามาให้มากที่สุดด้วยเช่นกัน เพื่อนำมาแจกฟรีให้กับประชาชน เพราะมีงบประมาณและสามารถแจกฟรีได้ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าองค์การเภสัชกรรม กับ สปสช. ประชุมร่วมกันแล้ว โดยจะมีแผนที่จะนำเข้ามา 10 ล้านชุด
ส่วนเรื่องยาฟ้าทะลายโจร จะมีการกำหนดราคาควบคุมหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องหารือกัน ซึ่งปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข เลขาธิการ อย. องค์การเภสัชกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้คุยกันแล้ว และมีข้อสังเกตว่าจะต้องทำอย่างรอบคอบ เพราะหากกำหนดราคาควบคุมไปเลย ยาฟ้าทะลายโจรอาจขาดตลาด และทำให้ของหายจากตลาด เกิดการกักตุน ผู้ผลิตจะหยุดผลิตและเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์หรือไม่ ดังนั้นต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป อย่างไรก็ตามหากกระทรวงสาธารณสุข เห็นว่าจำเป็นต้องควบคุม ก็สามารถใช้ พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กำหนดราคาควบคุมได้
“เรื่องการกักตุน ขายเกินราคา กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงสาธารณสุขจะดูร่วมกันต่อไป โดยได้สั่งขอให้กรมการค้าภายใน พิจารณาร่วมกับ อย. องค์การเภสัชกรรม และผู้ผลิตรายใหญ่ด้วย เพื่อให้ได้ราคาอ้างอิงที่ควรจะเป็นว่า ควรอยู่ที่เม็ดละเท่าไร ที่ทำให้ผู้ผลิตเดินหน้าผลิตต่อไปได้และไม่ทำให้ของขาดตลาด แต่ขณะนี้หากขายเกินราคาอันสมควร หรือค้ากำไรเกินควร จะมีความผิดตามมาตรา 29 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับ 140,000 บาทห รือทั้งจำทั้งปรับ”
