

.หลังนัดรวมพลมาเทนมทิ้งที่พาณิชย์ 20 ก.ค.นี้
.หวังเร่งรัดให้อนุมัติขึ้นราคาขายนมและผลิตภัณฑ์
.ยันยังไม่ให้ขึ้นรอเกษตรชงครม.ไฟเขียวขึ้นราคานมดิบก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน รายงานข้อมูล และรายละเอียดโครงสร้างต้นทุนของสินค้านมและผลิตภัณฑ์ เพื่อนำมาพิจารณาโครงสร้างต้นทุนที่แท้จริง หลังจากที่มีข่าวว่า ประธานชุมนุมสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ทำหนังสือด่วนถึงสมาชิกชุมนุมสหกรณ์โคนมทั่วประเทศ นัดรวมตัวกันเทน้ำนมดิบทิ้งที่กระทรวงพาณิชย์ จ.นนทบุรี ในวันที่ 20 ก.ค.นี้ เพื่อเร่งรัดให้กระทรวงพาณิชย์ พิจารณาอนุมัติการปรับขึ้นราคาขายนมและผลิตภัณฑ์โดยเร็ว พร้อมกับมอบหมายให้นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน รอรับเกษตรกรโคนม ที่กระทรวงพาณิชย์ด้วย เนื่องจากตนติดภารกิจเข้าร่วมการประชุมสภาในโอกาสเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ วันที่ 19-22 ก.ค.นี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) ที่มีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน เมื่อวันที่ 1 ก.ค.65 ได้อนุมัติการปรับขึ้นราคารับซื้อน้ำนมดิบ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมหลังจากต้นทุนการเลี้ยงเพิ่มสูงขึ้นมาก โดยให้ปรับขึ้นราคารับซื้อหน้าศูนย์รวบรวมนมดิบ เป็นกิโลกรัม (กก.) ละ 19.75 บาท จากเดิมกก.ละ 17.50 บาท หรือเพิ่มขึ้นกก.ละ 2.25 บาท และปรับขึ้นราคารับซื้อหน้าโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์นม เป็นกก.ละ 20.50 บาท จากเดิมกก.ละ 19.00 บาท หรือเพิ่มขึ้นกก.ละ 1.50 บาท แต่รัฐจะจ่ายชดเชยให้ศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบกก.ละ 0.75 บาท เป็นเวลา 3 เดือน เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาแล้ว มิลค์บอร์ดจะพิจารณาทบทวนใหม่ ส่งผลให้ผู้ผลิตนมและผลิตภัณฑ์ รับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรกก.ละ 1.50 บาท
แต่การปรับขึ้นราคาดังกล่าว จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผล เพราะกระทรวงเกษตรฯอยู่ระหว่างเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ โดยล่าสุด กำลังเวียนมติที่ประชุมมิลค์บอร์ด ให้กรรมการรับรอง จากนั้นจึงจะทำเอกสารเสนอให้ครม.พิจารณาเห็นชอบ หลังจากครม.เห็นชอบแล้ว กระทรวงพาณิชย์จึงจะอนุมัติปรับราคา เพราะผลิตภัณฑ์นม ทั้งนมผง (นมชงสำหรับเด็ก ที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ), นมน้ำ (นมกล่อง นมขวด มีทั้งชนิดนำนมผงมาละลายน้ำ และชนิดที่ผลิตจากน้ำนมโคสด) เป็นสินค้าควบคุมมาตั้งแต่ปี 42 ภายใต้พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการพ.ศ.2542 ซึ่งการขึ้นราคา ต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงพาณิชย์ก่อน แต่ระหว่างนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้พิจารณาโครงสร้างต้นทุนมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว โดยมีโครงสร้างต้นทุน และโครสร้างราคาทั้งหมดแล้ว
สำหรับการปรับขึ้นราคาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ กระทรวงพาณิชย์ จะพิจารณาตามต้นทุน โดยปัจจุบัน มีผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมในประเทศ 27 ราย แต่ละรายมีโครงสร้างต้นทุนแตกต่างกัน ตามผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ที่ใช้ การบริหารจัดการภายในของบริษัท ฯลฯ แต่กระทรวงพาณิชย์จะใช้หลักการเดียวกับการพิจารณาราคาสินค้าอื่นๆ ที่ใช้ “วินวิน โมเดล” โดยให้ทุกฝ่ายได้รับความเป็นธรรม โดยเกษตรกรยังสามารถขายผลผลิตของตนเองได้ในราคาดี ผู้ประกอบการยังอยู่รอดได้ ไม่ขาดทุน และผู้บริโภคได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
ขณะที่จากการสอบถามผู้ผลิตนมและผลิตภัณฑ์รายหนึ่ง พบว่า หากจะต้องเพิ่มราคารับซื้อน้ำนมดิบจากเกษตรกรสูงถึงกก.ละ 2.25 บาท ผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขายปลีกอีก 5 บาทต่อผลิตภัณฑ์ เช่น นมสด ขนาด 200 ซีซี ที่ปัจจุบันขายขวดละ 13 บาท ก็อาจต้องปรับขึ้นเป็นขวดละ 18 บาท เป็นราคาที่สูงเกินไป ผู้บริโภครับไม่ได้แน่นอน เพราะขณะนี้กำลังซื้อของผู้บริโภคยังไม่กลับมาเป็นปกติ จากผลกระทบของโควิด-19 แต่ยังดีที่ภาครัฐยอมชดเชยให้ศูนย์รวบรวมนมดิบกก.ละ 0.75 บาท เป็นเวลา 3 เดือน จึงคาดว่า จะปรับขึ้นราคาขายปลีกเพียง 2 บาท เช่น ขวดละ 13 บาท ปรับขึ้นเป็นขวดละ 15 บาท เชื่อว่า ผู้บริโภคยังพอรับได้ แต่จะปรับขึ้นราคาได้ตามที่เสนอขอกระทรวงพาณิชย์หรือไม่ อยู่ที่การพิจารณาของกระทรวงพาณิชย์