“จุรินทร์”ยอมรับราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์พุ่งขึ้นจริง



.ผลรัสเซียถล่มยูเครนหวั่นทำราคาสินค้าในประเทศขึ้นตาม

.ขอความร่วมมือผู้ผลิตอาหารสัตว์ตรึงราคาต่อเนื่อง

.ส่วนผู้เลี้ยงไก่ไข่ขึ้นราคาแล้วขออย่าค้ากำไรเกินควร

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การสู้รบกันระหว่างรัสเซียและยูเครน เกิดผลกระทบทางอ้อมกับทั่วโลก เพราะทำให้ราคาน้ำมันดิบ รวมถึงสินค้าต่างๆ ที่ 2 ประเทศเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก เช่น ธัญพืชสำหรับผลิตอาหารสัตว์ อย่างข้าวสาลี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์, เหล็กและผลิตภัณฑ์ อย่างทินเพลต ซึ่งเป็นเหล็กสำหรับทำกระป๋องบรรจุอาหาร หรือเหล็กสำหรับก่อสร้าง เป็นต้น มีราคาปรับสูงขึ้น และไทยอาจได้รับผลกระทบดังกล่าวด้วย

นอกจากนี้ ยังมีกากถั่วเหลือง ที่ไทยนำเข้าปริมาณมากจากสหรัฐฯ ที่ขณะนี้ราคาสูงขึ้นเช่นกัน เพราะเกิดภัยแล้งในสหรัฐฯ ทำให้ผลผลิตถั่วเหลืองลดลง ซึ่งภาคเอกชน เสนอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการรองรับผลกระทบ เพราะการที่วัตถุดิบอาหารสัตว์มีราคาสูงขึ้น อาจทำให้ราคาอาหารสัตว์สูงขึ้นตาม และกระทบต่อราคาเนื้อสัตว์ได้ โดยภาคเอกชน เสนอให้รัฐบาลปรับลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น กากถั่วเหลือง ที่ขณะนี้เก็บอัตรา 2% รวมถึงเสนออีกหลายทางออก เพื่อทำให้ราคาอาหารสัตว์ในประเทศลดลง

“ขณะนี้ยอมรับว่า ราคาวัตถุดิบ และอาหารสัตว์สูงขึ้น ผู้ผลิตอาหารสัตว์เรียกร้องให้รัฐบาลปรับลดอัตราภาษี ซึ่งเรื่องนี้ กระทรวงคลังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมว่า หากปรับภาษีนำเข้าจะกระทบเกษตรกรไทยอย่างไร แต่ขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตตรึงราคาไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อไม่ให้กระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ และประชาชน”

สำหรับราคาไข่ไก่ ที่สมาคมผู้เลี้ยง ผู้ผลิต และส่งออกไข่ไก่ ได้ประกาศแจ้งราคาแนะนำไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม ที่ฟองละ 3.20 บาท ปรับขึ้นฟองละ 30 สตางค์ หรือแผง (30 ฟอง) ละ 9 บาท จากราคาที่กระทรวงพาณิชย์ขอความร่วมมือตรึงไว้ที่ฟองละ 2.90 บาทนั้น จากการสำรวจราคาทั่วประเทศของพาณิชย์จังหวัด และกรมการค้าภายใน พบว่า ราคาเฉลี่ยทั่วประเทศมีแนวโน้มลดลง ล่าสุด วันที่ 1 มี.ค.65 ไข่ไก่เบอร์ 3 อยู่ที่ฟองละ 3.28 บาท ขณะที่ราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำกับให้ขายได้อยู่ที่ฟองละ 3.50 บาท แต่ราคาขายในห้างค้าปลีกค้าส่งถูกกว่า อยู่ที่ฟองละ 3.20-3.30 บาท

แต่ได้รับแจ้งจากผู้เลี้ยงว่า ต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นมาก จึงสั่งการให้กรมการค้าภายใน หารือกับสมาคมแล้ว เท่าที่ได้รับรายงาน พบว่า สาเหตุที่ปรับขึ้นเพราะต้นทุนอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นจริง แต่จะปรับเพิ่มขึ้นเท่าไร อย่างไร ต้องรอให้มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาไก่ไข่และผลิตภัณฑ์ (เอ้กบอร์ด) ที่มีรมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิจารณาก่อน จากนั้นจึงจะมีการพิจารณาราคาขายหน้าฟาร์ม และขายปลีก เพื่อให้ทุกฝ่ายอยู่ได้ทั้งเกษตรกร ผู้บริโภค โดยกระทรวงพาณิชย์จะพิจารณาด้วยความเป็นธรรมให้กับทุกฝ่ายโดยเร็ว

“กรณีที่ผู้เลี้ยงได้ปรับขึ้นราคาขายไปแล้วนั้น เป็นเพราะต้นทุนสูงขึ้นจริง แต่ก็ขอให้อย่าค้ากำไรเกินควร”