“จีน” ขึ้นแท่น จีดีพี ขยายตัวช่วงโควิดระบาด กวาดเม็ดเงินลงทุนท่ัวโลกสูงที่สุด

  • “ไบเดน” หักดิบ “ทรัมป์” เสนอนโยบาย Buy American
  • นายกฯหญิงเหล็ก “มาร์เคิล” อำลาตำแหน่งการเมือง 18 ปี

ประธานาธิบดี ไบเดน ลงนามนโยบายใหม่ Buy American หัก ทรัมป์ ขณะที่ ทรัมป์ ถูก สส.สหรัฐ ยื่นถอด ถอนข้อหาเป็นภัยต่อความม่ันคงของประเทศ ส่วน จีน เป็นประเทศเดียวในโลกที่กวาดเม็ดเงินลงทุนปี 63 สูงที่สุด โดยมีการขยายตัวของ จีดีพี ของปี 63 ที่ระดับ 2.3% ด้วย        

.ไบเดนลงนามคำสั่ง “Buy American”

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐ ลงนามในคำสั่งพิเศษซึ่งมีชื่อว่า “Buy American” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลกลางสหรัฐใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนไปกับสินค้าที่ผลิตในสหรัฐอเมริกา และถือเป็นความพยายามที่จะกระตุ้นอุตสาหกรรมการผลิตภายในประเทศให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง “รัฐบาลชุดก่อนทำให้รัฐบาลกลางสหรัฐ ต้องทำสัญญาจัดซื้อโดยตรงกับบริษัทต่างชาติสูงถึง 30% แต่เรื่องนี้จะถูกเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลของเรา” ปธน.ไบเดน ยังวิ พากษ์วิจารณ์นโยบาย “America First” ของอดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ว่าเป็นนโยบายที่ไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอ ในการลงทุนกับภาคธุรกิจของประเทศ

“รัฐบาลกลางมีการใช้จ่ายเงินราว 600,000 ล้านเหรียญไปกับการจัดซื้อในทุกปี โดยกฎหมายสหรัฐกำหนดให้หน่วยงานต่างๆให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐก่อน อย่างไรก็ดี มี “ช่องโหว่” ที่ทำให้เงินภาษีของคนอเมริกันหลายพันล้านเหรียญถูกผ่องถ่ายไปยังบริษัทผู้ผลิตสินค้าจากต่างชาติ ด้วยเหตุนี้ คำสั่ง”Buy Ameri can” จะทำให้ปิดช่องโหว่เกี่ยวกับการมีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งได้แก่ การกำหนดจำนวนการสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐ และไม่เพียงแต่กำหนดว่าบริษัทต่างๆ จะต้องผลิตสินค้าในสหรัฐมากขึ้นเท่านั้น แต่มูลค่าของสินค้าจะต้องมีส่วนผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจซึ่งสิ่งที่สามารถชี้วัดเรื่องเหล่านี้ได้ตั้งแต่จำนวนพนักงานชาวอเมริกันที่ได้รับการว่าจ้างหรือได้รับการสนับสนุน”

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดน ยังให้คำมั่นว่า อุปกรณ์ทางการแพทย์และสินค้าที่จำเป็นจะต้องมีการจัดจำหน่ายภายในประเทศ โดยระบุว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แสดงให้เห็นว่า สหรัฐไม่สามารถอยู่ในสถานะที่จะพึ่งพาต่างชาติที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในผลประโยชน์ของสหรัฐได้อีกต่อไป ซึ่งถ้อยแถลงนี้ ปธน.ไบเดนหมายถึงจีน

.เตือนภัยเหตุก่อการร้ายในประเทศ 

กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ของสหรัฐ ออกประกาศเตือนภัยเกี่ยวกับการก่อการร้ายในประเทศ โดยเตือนว่า สหรัฐอาจเผชิญภัยคุกคามที่รุนแรงขึ้นจากกลุ่มหัวรุนแรงภายในประเทศ (DVE) หลังเกิดเหตุจลาจลในอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้ DHS ระบุในคำประกาศว่ากลุ่ม ได้รับ “แรงจูงใจจากประเด็นต่างๆรวมถึงความไม่พอใจต่อมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19, ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 63 และการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ” พร้อมเสริมว่า “มีความกังวลว่า แรงขับเคลื่อนเดียวกันนี้ที่นำไปสู่การใช้ความรุนแรงนั้น จะคงอยู่ไปตลอดช่วงต้นปี 64”

.ผลผลิตอุตสาหกรรมยุ่นปี 63 ทรุดกว่า 10%

 กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปี 63 ร่วงลง 10.1% จากปีก่อนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการขนส่งและและการผลิตเครื่องจักรในปี 63 ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วในฤดูใบไม้ผลิ หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจ สังคม และความต้องการของผู้บริโภคที่ลดลง

ส่วนเดือน ธ.ค. เพียงเดือนเดียว ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง 1.6% เมื่อประเมินจากผลสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มผู้ผลิต กระทรวงคาดการณ์ว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นจะปรับตัวขึ้น 8.9% ในเดือนม.ค.และลดลง0.3% ในเดือนก.พ.อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนบางคนเตือนด้วยว่า ประมาณการของกระทรวง สำ หรับเดือนม.ค.อาจไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบเชิงลบของการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกที่มีต่อผู้ผลิต นายคาซึมะ มาเอดะ นักวิเคราะห์จากบาร์เคลย์ส ซีเคียวริตี้ เจแปน ระบุว่า “ข้อจำกัดด้านอุปทาน ซึ่งรวมถึงการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ และตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่สำหรับผู้ส่งออก อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของภาคการผลิต”

.”เทสลา” ไม่พอใจตัวเลขรายได้น้อยกว่าคาด

เทสลา อิงค์ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/63 ที่ระดับ 270 ล้านเหรียญหรือ 24 เซนต์/หุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 105 ล้านเหรียญ หรือ 11 เซนต์/หุ้น ส่วนรายได้ในไตร มาส 4/63 พุ่งขึ้น 46% แตะระดับ 10,470 ล้านเหรียญ จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 62 ซึ่งอยู่ที่ 7,380 ล้านเหรียญโดยได้แรงหนุนจากยอดส่งมอบรถยนต์ที่แข็งแกร่ง

อย่างไรกผลประกอบการของเทสลา ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่ากำไรในไตรมาส 4/63 จะอยู่ที่ 1.02 ดอลลาร์/หุ้น และรายได้จะอยู่ที่ 10,740 ล้านเหรียญ ทั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 1 ปีที่ผลประกอบการของเทสลาออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ ขณที่ราคาหุ้นเทสลาร่วงลงกว่า 7% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิว ยอร์กช่วงต้นสัปดาห์ ด้านนายอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา แถลงว่า “ปี 64 จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับเทสลา โดยบริษัทจะมีการผลิตรถ ยนต์รุ่นใหม่และสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อเร่งการผลิต ผมจึงรู้สึกตื่นเต้นเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และรอคอยที่จะทำให้มันเกิดขึ้น” โดยตัวเขาจะยังคงทำหน้าที่ซีอีโอของเทสลาไปอีกหลายปีนับจากนี้

.”เฟซบุ๊ก” เผยกำไรรายได้พุ่งเกินคาดใน Q4/64

เฟซบุ๊ก อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/63 โดยระบุกำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 11,22 0 ล้านเหรียญ หรือ 3.88 ดอลลาร์/หุ้น เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันปี 62 ที่ระดับ 7,350 ล้านเหรียญ หรือ 2.56 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้โดยรวมจากการโฆษณาด้วย พุ่งขึ้นแตะระดับ 28,070 ล้านเหรียญในไตรมาส 4/63 จากระดับ 21,080 ล้านเหรียญในไตรมาส4/62 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 26,440 ล้านเหรียญ สำหรับจำนวนผู้ใช้งานรายเดือนของเฟซ บุ๊ก พุ่งขึ้น12% สู่ระดับ 2,800 ล้านราย ในไตรมาส 4/63 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2,750 ล้านราย ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการเฟซบุ๊กแข็งแกร่งในไตรมาส 4 มาจากรายได้ค่าโฆษณาของธุรกิจค้าปลีกอีคอมเมิร์ซ

อย่างไรก็ดี เฟซบุ๊ก กังวลว่า แนวโน้มผลประกอบการในอนาคตอาจเผชิญกับความท้าทายในปี 64 เนื่องจากแอปเปิลอิงค์ เปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัว ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรายได้ด้านโฆษณาของเฟซบุ๊ก โดยคาดว่า การที่แอปเปิลได้อัปเดตระบบปฏิบัติการบน iPhone เป็น iOS 14 นั้น จะเริ่มกระทบรายได้ของเฟซบุ๊กในช่วงไตร มาสแรกปีนี้

.เยอรมนีอำลา “มาร์เคิล” ด้วยความอบอุ่น

ชาวเยอรมนีเลือกให้เธอเป็นผู้นำของพวกเขา 80 ล้านคนเป็นเวลา 18 ปีด้วยความสามารถทักษะความทุ่มเทและความจริงใจ ในช่วง 16 ปี หรือ 4 สมัยที่เธอเป็นนายกรัฐมนตรี นางแองเกลาร์ มาร์เคิล  ถูกจัดให้เป็นสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในยุโรป เป็นหญิงเหล็ก ที่ไม่เคยมีข้อครหา ใช้อำนาจเกินเลยหน้าที่ เธอไม่ได้มอบหมายให้ญาติเข้ามีส่วนในการทำงาน ไม่ได้อ้างว่าเป็นผู้สร้างความรุ่งโรจน์ ไม่ได้รับกฎบัตร และ คำมั่นสัญญา ไม่ได้ต่อสู้กับผู้ที่นำหน้าเธอ และไม่ได้ทำให้เธอสูญสลายเลือดของเพื่อนร่วมชาติของเธอ ไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ  ไม่ได้ปรากฏตัวในตรอกซอกซอยของเบอร์ลินให้ได้ถ่ายภาพ แต่เป็นผู้หญิงที่ถูกขนานนามว่า “The Lady of the World” หญิงผู้ทรงอิทธิพลของประเทศเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของสหภาพยุโรป

นางมาร์เคิล ดำรงตำแหน่งนายกฯเยอรมนีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 จนถึงปี 2021 คว้าตำแหน่งหญิงที่ทรงอิทธิ พลที่สุดในโลกมา 12 ครั้ง ระหว่างทางแพ้ให้กับนางมิเชล โอบามา มาครั้งเดียว และเธอดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียนมานานถึง 18 ปี กระท่ังเธอขอยุติบทบาททางการเมือง และอำลาตำแหน่งเม่ือวันที่ 16 ม.ค.2564(2021) ปฏิกิริยาของชาวเยอรมนี ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ผู้คนทั้งหมดออกไปที่ระเบียงบ้านและปรบมือให้เธออย่างเป็นธรรมชาติเป็นเวลา 6 นาทีอย่างอบอุ่น

.ฝรั่งเศสติดโควิดวันเดียวสูงถึง 26,916 ราย

กระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศส เปิดเผยเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ก่อนว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 26,916 รายเป็นผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดในเดือนนี้ ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็น 3,106,859 ราย ส่วนยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่74,456 ราย ทั้งนี้ ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ฝรั่งเศสมีผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่ม 128 ราย ส่งผลให้ยอดผู้ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นแตะ 27,169 ราย และมี 3,107 รายเป็นผู้ป่วยอาการหนัก โดยตัว เลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ระดับ 3,081 ราย ข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า มาตรการเคอร์ฟิวยังไม่เพียงพอสำหรับการสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ 

ก่อนหน้านี้ ฝรั่งเศสได้ประกาศใช้มาตรการเคอร์ฟิว โดยห้ามไม่ให้ประชาชนออกจากที่พักหลังเวลา 18.00 น. ต่อไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 ขณะเดียวกัน ทางการฝรั่งเศสยังห้ามจัดงานเลี้ยงและงานอีเวนต์ การรวมตัวในสถานที่สาธารณะ และออกมาตรการควบคุมระหว่างชายแดน

ศาสตราจารย์เดลเฟรซ ที่ปรึกษารัฐบาลด้านโควิด-19 กล่าวว่า “หากไม่คุมเข้มกฎระเบียบ ฝรั่งเศสจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำ บากอย่างยิ่งในช่วงกลางเดือนมี.ค.” เขากล่าวด้วยว่าฝรั่งเศสอาจต้องกลับไปใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นครั้งที่ 3 ในช่วงเดือนก.พ. ซึ่งเป็นช่วงปิดภาคเรียน เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ชนิดกลายพันธุ์ใหม่ยังคงแพร่ระบาดอยู่ในขณะนี้ “เราอาจต้องกลับไปใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากซึ่งเคยใช้ครั้งแรกเมื่อเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว หรืออาจเป็นมาตรการที่ผ่อนปรนซึ่งเคยใช้ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา นี่เป็นเรื่องที่ฝ่ายการเมืองต้องตัดสินใจ”

.รายได้คลังจีนปี 63 ลด 3.9% สวนรายจ่าย

กระทรวงการคลังจีน เปิดเผยว่า รายได้ด้านการคลังในปี 63 ปรับตัวลง 3.9% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับราว 18. 29 ล้านล้านหยวน (2.8 ล้านล้านเหรียญ) ทั้งนี้ รัฐบาลกลางของจีนมีรายได้ด้านการคลังอยู่ที่ราว 8.28 ล้านล้านหยวนในปี 63 ลดลง 7.3% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นมีรายได้ด้านการคลัง ลดลง 0.9% สู่ระดับราว 10 ล้านล้านหยวนส่วนรายได้จากการจัดเก็บภาษีทั้งหมดของจีนในปี 63 อยู่ที่ 15.43 ล้านล้านหยวน ลดลง 2.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี และเมื่อแยกเป็นประเภท พบว่า รายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ลดลง 8.9% แตะที่ระดับราว 5.68 ล้านล้านหยวน ขณะที่รายได้จากภาษีการอุปโภคบริโภคลดลง 4.3% สู่ระดับ 1.2 ล้านล้านหยวน และรายได้จากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพิ่มขึ้น11.4% แตะที่ 1.16 ล้านล้านหยวน ส่วนรายจ่ายด้านการคลัง ปรับตัวขึ้น 2.8% แตะที่ 24.56 ล้านล้านหยวน

.เวียดนามพบผู้ติดเชื้อโควิด 2 รายในรอบ 2 เดือน

กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 2 รายในประเทศในรอบเกือบ 2 เดือนส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1,553 ราย และยอดผู้เสียชีวิต 35 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นคนงานหญิงอายุ 34 ปีในจังหวัดไฮดองทางตอนเหนือ มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับหญิงชาวเวียดนามที่ตรวจพบเชื้อโควิดกลายพันธุ์เมื่อเดินทางถึงเมืองโอซาก้าประเทศญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่วันมานี้

ส่วนผู้ติดเชื้ออีกรายเป็นชายอายุ 31 ปีจากจังหวัดกว๋างนินห์ทางตอนเหนือของเวียดนาม ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของสนามบินนานาชาติวังดุ่ง โดยเขาแสดงอาการมีไข้ ไอ และเจ็บคอ จึงเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วยตัวเอง และผลการตรวจหาเชื้อปรากฎว่าออกมาเป็นบวกเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ผู้ป่วยสองรายล่าสุดนี้กำลังเข้ารับการรักษาตัวในกรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม

.เวียดนามพบผู้ติดเชื้อโควิด 2 ราย ในรอบ 2 เดือน

กระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ 2 รายในประเทศในรอบเกือบ 2 เดือน ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1,553 ราย และยอดผู้เสียชีวิต 35 ราย โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่เป็นคนงานหญิงอายุ 34 ปีในจังหวัด

.สภาผู้แทนฯสหรัฐยื่นญัตติถอดถอนทรัมป์

สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ยื่นญัตติถอดถอนอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เข้าสู่การพิจารณาไต่สวนของวุฒิ สภาแล้วในข้อหายุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ส.ส.จากพรรคเดโมแครตจำนวน 9 คน ซึ่งนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ แต่งตั้งให้เป็นคณะผู้ดำเนินการถอดถอน จะทำหน้าที่เป็นผู้ฟ้องร้องในกระบวนการถอดถอนขั้นต่อไป

“อดีตปธน.ทรัมป์เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของสหรัฐ และระบบสถาบันทางการเมืองอย่างใหญ่หลวง ทั้งยังคุกคามบูรณภาพแห่งระบอบประชาธิปไตย แทรกแซงการถ่ายโอนอำนาจ และเป็นภัยต่อระบบการปกครองของรัฐ บาล ด้วยเหตุที่กล่าวมา อดีตปธน.ทรัมป์จึงถือเป็นผู้ทรยศต่อความไว้วางใจที่พึงมีในฐานะประธานาธิบดี และชักจูง ไปสู่การประท้วงจนประชาชนได้รับบาดเจ็บ” นายเจมี ราสกิน หัวหน้าคณะผู้ดำเนินการถอดถอนอ่านญัตติ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า สมาชิกวุฒิสภาทั้ง 100 คน จะเข้าพิธีสาบานตนเป็นคณะลูกขุน และจะมีการออกหมายเรียกไปยังอดีตปธน.ทรัมป์อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 ก.พ.นี้ โดยวุฒิสภาจะเริ่มกระบวนการพิจารณาไต่สวนอดีตปธน.ทรัมป์ในวันที่ 9 ก.พ. เพื่อให้เวลาแก่เขาในการเตรียมต่อสู้คดีถอดถอนดังกล่าว

อดีตปธน.ทรัมป์ถือเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่ถูกยื่นถอดถอน (Impeachment) ถึง 2 ครั้ง และเป็นประ ธานาธิบดีคนแรกที่ถูกยื่นถอดถอน หลังพ้นจากตำแหน่งแล้ว โดยหากวุฒิสภาสหรัฐมีมติว่าอดีตปธน.ทรัมป์มีความ ผิดจริงตามข้อกล่าวหา ก็จะส่งผลให้เขาไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกต่อไป

.”ลาการ์ด” คาดเศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัวปีนี้  

นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB)คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจยูโรโซนจะฟื้นตัวในปี 64 แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความไม่แน่นอนในระดับที่สูงมาก ก่อนจะประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ระ บบเศรษฐกิจแบบใหม่” นางลาการ์ด กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ซึ่งจัดขึ้นทางออน ไลน์ว่า ข้อมูลในช่วงไตรมาส 4/63 บ่งชี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในยูโรโซนเป็นไปอย่างล่าช้า จากการใช้มาตรการล็อกดาวน์ และมาตรการเข้มงวดหลายครั้ง แม้มีความคืบหน้าในเชิงบวกเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนก็ตาม

อย่างไรก็ดี นางลาการ์ด มองว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ พร้อมกับย้ำว่า นโยบายการด้านการคลังยังคงมีบทบาทสำคัญ และใช้ได้ผล ขณะที่ ECB จะยังคงสนับสนุนทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจของยูโรโซน ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นว่า สภาวะด้านการเงินยังคงเอื้ออำนวยต่อการทำธุรกิจ นางลาร์การ์ด กล่าวว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่ “ระบบเศรษฐกิจแบบใหม่” จะนำไปสู่การใช้ระบบดิจิทัล การพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และอื่นๆ

นางลาการ์ด ยังได้เตือนเรื่องความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมถึงอัต ราว่างงานที่สูงขึ้น ความเหลื่อมล้ำระหว่างแรงงานที่มีทักษะต่ำ และทักษะสูง ผลกระทบระยะยาวของการแพร่ระบาดที่มีต่อภาคการผลิต และภาคบริการ รวมทั้งการที่บริษัทต่างๆ ลดการใช้จ่ายด้านการวิจัยและการพัฒนา (R&D) ทั้งนี้ บรรดาผู้นำภาคธุรกิจ รัฐบาล และหน่วยงานต่างๆ ทางสังคมจำนวนกว่า 2,000 คน ได้เข้าร่วมการประชุม WEF ในสัปดาห์ก่อนเพื่อหารือกันเกี่ยวกับการรับมือกับผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาด รวมทั้งหาแนวทางเร่งด่วนเพื่อให้เกิดความร่วมมือทั่วโลก

.ชี้กรรมการ BOJ เตรียมพร้อมรับมือโควิด

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนม.ค. โดยระบุว่ากรรมการส่วนใหญ่มองว่า BOJ ควรผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยไม่ลังเล หากพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น โดยยังต้องจับตาดูการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด รายงานระบุว่า กรรมการบางคนมองว่า BOJ ควรต้องวิเคราะห์ผลกระทบของนโย บายต่างๆ เพื่อประเมินว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อได้อย่างไร ขณะเดียวกันก็ต้องประเมินมาตรการต่างๆ บนพื้นฐานที่ว่า BOJ จะยังคงดำเนินกรอบนโยบายในปัจจุบันต่อไป

กรรมการหลายคน ยังเห็นว่า BOJ ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่จะมีต่อเศรษฐกิจ ราคา และสถานการณ์ด้านการเงิน โดยต้องเป็นมาตรการรับมือที่มีประสิทธิภาพสามารถกระตุ้นศักยภาพในการทำกำ ไรของบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางผ่านทางการสนับสนุนให้ใช้ระบบดิจิทัล ถือเป็นสิ่งสำคัญในการสนับสนุนเศรษฐ กิจญี่ปุ่นให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

สำหรับการประชุมคณะกรรมการ BOJ ที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ -0.1% และคงเป้าหมายอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีไว้ที่ระดับ 0% พร้อมขยายโครงการเพื่อสนับสนุนการระดมเงินทุนให้กับภาคเอก ชนออกไปอีก 6 เดือนจนถึงสิ้นเดือนก.ย.ปี 64 เนื่องจากโควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งนั้น ทำให้เศรษฐกิจญี่่ปุ่นต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนอีกครั้ง

.ส.ว.สหรัฐไฟเขียว “เยลเลน” เป็นรมว.คลังหญิงคนแรก 

วุฒิสภาสหรัฐมีมติด้วยคะแนน 84 ต่อ 15 เสียง เห็นชอบให้นางเจเน็ต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสห รัฐ (เฟด) ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่ ซึ่งทำให้นางเยลเลนกลายเป็นสุภาพสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ของสห รัฐที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง นางเยลเลน วัย 74 ปี ยังเป็นบุคคลแรกที่ดำรงตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาเศรษฐ กิจของทำเนียบขาวด้วย โดยนางได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อคณะกรรมาธิการด้านการเงินแห่งวุฒิสภาสหรัฐเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่า สหรัฐสามารถรับมือกับการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคล หากรัฐบาลประสานงานร่วมกับประเทศอื่นๆทั่วโลก

“เรารอคอยที่จะทำงานร่วมกับประเทศอื่นๆ โดยผ่านทางการเจรจาด้านภาษีร่วมกับประเทศในกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพื่อขอความร่วมมือแบบพหุภาคี ซึ่งจะช่วยหยุดยั้งปัจจัยที่จะสร้างผลกระทบในเชิงลบ และจะช่วยให้สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีจากบริษัทเอกชน”

นอกเหนือจากการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายด้านภาษีแล้ว นางเยลเลนยังได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านเหรียญที่นำเสนอโดยประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยกล่าวว่ามาตรการนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์มากกว่าที่จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความเสี่ยงด้านหนี้สิน พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสดำเนินการเพิ่มขึ้นอีก มิฉะนั้นเศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญกับการถดถอยที่ยาวนานและรุนแรงมากขึ้น และอาจได้รับความเสียหายในระยะยาว

.แฉเกาหลีเหนือส่งแฮกเกอรฟัดทีมวิจัยสื่อโซเชียล

กูเกิล อิงค์ เปิดเผยว่า บริษัทเชื่อว่าแฮคเกอร์หลายรายในเกาหลีเหนือกำลังแฝงตัวเป็นบล็อกเกอร์เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ และต้องการพุ่งเป้าโจมตีทีมนักวิจัยของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยรายใหญ่ เช่น ทวิตเตอร์ และลิงค์อิน (LinkedIn) ทั้งนี้ ทีมงาน Threat Analysis Group ของกูเกิลตรวจพบความเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายโจมตีทีมนักวิจัยด้านความปลอดภัยที่ทำงานด้านการวิจัยและพัฒนาในบริษัท และองค์กรหลายแห่ง โดยเชื่อว่าความเคลื่อนไหวเหล่านี้ที่มาจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีเหนือ

กูเกิล ระบุว่า ปฏิบัติการดังกล่าวของแฮกเกอร์เหล่านี้มีความตั้งใจที่จะโจมตีทีมงานวิจัยด้านความปลอดภัยที่มีเทคนิคด้านวิศวกรรมโซเชียลแบบใหม่ (novel social engineering) อย่างไรก็ดี กูเกิลยังไม่สามารถระบุได้ในขณะนี้ว่าแฮกเกอร์ต้องการโจมตีทีมวิจัยของบริษัทใดบ้าง

นายอดัม ไวด์แมนน์ เจ้าหน้าที่ของกูเกิลเปิดเผยว่า แฮกเกอร์ได้จัดตั้งบล็อกด้านการวิจัย และสร้างโปรไฟล์ทวิตเตอร์จำนวนมากเพื่อแฝงตัวเข้าติดต่อกับทีมวิจัยด้านความปลอดภัย โดยแฮกเกอร์ใช้บัญชีเหล่านี้เพื่อโพสต์ลิงค์ไปยังบล็อกดังกล่าว และแชร์ วิดีโอเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากซอฟท์แวร์ที่พวกเขาอ้างว่าเป็นผู้ค้นพบ นอกจากนี้ แฮกเกอร์ยังใช้บัญชีลิงค์อิน เทเลแกรม ดีสคอร์ด และอีเมลในการแฝงตัวเพื่อติดต่อกับทีมวิจัยด้านความปลอดภัยด้วย

“เมื่อเริ่มติดต่อสื่อสารกับทีมวิจัยได้แล้ว แฮกเกอร์เหล่านี้จะถามทีมวิจัยว่าต้องการจะเข้าร่วมในการวิจัยเรื่องความปลอดภัยหรือไม่ หลังจากนั้นแฮกเกอร์จะแชร์ไฟล์ให้กับทีมนักวิจัยซึ่งเป็นไฟล์ที่มีมัลแวร์ฝังอยู่ ซึ่งเป็นซอฟท์แวร์ที่จะสร้างความเสียหายต่อคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ ลูกค้า หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของเป้าหมายที่ต้องการโจมตี” นายไวด์แมนกล่าว

.คาดยอดค้าปลีกจีนปีนี้ขยายตัวเกิน 10%

สภาหอการค้าจีน (CGCC) เปิดเผยรายงานว่า การบริโภคในประเทศจะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในปีนี้ เนื่องมาจากเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและมาตรการส่งเสริมการบริโภค โดยยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นตัวชี้วัดการบริโภคที่สำคัญ จะพุ่งขึ้นเกิน 10% ในปี 64 ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคของจีนซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ปรับตัวลง 3.9% ในปี 63 แต่ค่อยๆ ปรับตัวขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้น 4. 6% ในไตรมาสที่ 4 จนใกล้แตะระดับก่อนการแพร่ระบาดด้วย

เศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตต่อเนื่องในปี 64 ตลอดจนการใช้นโยบายเพื่อมุ่งกระตุ้นการบริโภค ยอดค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคของจีน น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รายงานยังระบุแนวโน้มสำหรับการบริ โภคของจีนในปีนี้ รวมถึงการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมอาหาร รวมถึงโอกาสที่เพิ่มขึ้นสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดน อันเนื่องมาจากการลงนามในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)ด้วย

.สหรัฐติดเชื้อโควิดทะลุ 25 ล้านราย

ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า ณ เวลา 10.22 น.ของวันพฤหัสฯที่ผ่านมาว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้นแตะระดับ 25,805,522 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 433,174 ราย โดยท่ัวโลกมีผู้ติดเชื้อแล้ว 101 ล้านคน เสียชีวิต 2.19 ล้าคน หายแล้ว 56.1 ล้านคน ค่าเฉลี่ย 7 วันท่ัวโลก มีผู้ติดเชื้อ 375,627 ราย 

ในสหรัฐ แคลิฟอร์เนียมผู้ติดเชื้อมากที่สุดที่ 3,147,735 ราย เท็กซัส 2,243,009 ราย ฟลอริดา 1,639,914 ราย และนิวยอร์ก 1,323,312 ราย ส่วนรัฐอิลลินอยส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 1 ล้านราย ขณะที่รัฐอื่นๆที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อเกิน 600,000 ราย ได้แก่ จอร์เจีย โอไฮโอ เพนซิลวาเนีย แอริโซนา นอร์ทแคโรไลนา เทนเนสซี นิวเจอร์ซีย์ และอินเดียนา

ปัจจุบันสหรัฐยังคงเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักที่สุด เนื่องจากมีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก โดยมีผู้ติดเชื้อในสัดส่วนมากกว่า 25% ของยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลก และมีผู้เสียชีวิตในสัดส่วนเกือบ 20% ของยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลก

.ฮ่องกงยกเลิกคำสั่งล็อกดาวน์

ทางการฮ่องกง ประกาศยกเลิกคำสั่งล็อกดาวน์เขตเกาลูนแล้ว หลังเสร็จสิ้นการตรวจหาโรคโควิด-19 กับประ ชาชนในพื้นที่ประมาณ 7,000 ราย โดยในจำนวนนี้มีผู้ติดโควิด-19 เพียง 13 ราย ซึ่งผู้ที่ได้รับการตรวจหาเชื้อนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในย่านเหยาหม่าเต๋และจอร์แดน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีตลาดกลางคืน การดำเนินการนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐบาลเกี่ยวข้องกว่า 3,000 ราย จาก 16 กรม ในช่วงเวลาเพียง 48 ชั่วโมง

แถลงการณ์จากรัฐบาลระบุว่า “รัฐบาลฮ่องกงหวังว่า ความไม่สะดวกสบายชั่วคราวนี้จะเข้ามาตัดวงจรการแพร่ระบาดในพื้นที่โดยสิ้นเชิง และคลายความกังวลและความหวาดกลัวของผู้อยู่อาศัย” ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังรัฐบาลฮ่องกงได้สั่งล็อกดาวน์เขตเกาลูน และบังคับให้ประชาชน 10,000 คนในเขตดังกล่าวต้องอยู่ที่บ้านจน กว่าจะได้รับการตรวจและรู้ผลการตรวจเชื้อโควิด-19

รัฐบาลฮ่องกงระบุว่า มีอาคาร 70 แห่งในเขตจอร์แดนซึ่งถูกสั่งล็อกดาวน์ และรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจและแจ้งผลการตรวจเชื้อโควิด-19 ภายในเวลาประมาณ 48 ชั่วโมง ดังนั้นประชาชนในเขตดังกล่าวจะสามารถเริ่มกลับไปทำงานได้ในวันจันทร์ สำหรับเหตุผลที่พื้นที่ดังกล่าวถูกล็อกดาวน์เป็นเพราะพบผู้ป่วยโรคโควิด -19 รวมกัน 162 รายนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

นางโซเฟีย ชาน รมว.สาธารณสุขของฮ่องกง เปิดเผยในการแถลงข่าวว่า “ความเสี่ยงของการติดเชื้อในชุมชนอยู่ในระดับค่อนข้างสูง โดยหลังจากการประเมินแล้ว เราคิดว่า จำเป็นที่จะต้องประกาศล็อกดาวน์และบังคับตรวจเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการควบคุมการแพร่ระบาด”

นางแคร์รี ลัม ผู้บริหารเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เปิดเผยว่า รัฐบาลอาจมีการประกาศล็อกดาวน์พร้อมรุกตรวจหาโรคในลักษณะนี้อีกหากจำเป็น โดยจะปรับปรุงวิธีการสื่อสารแผนงานให้ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงเวลาประกาศคำสั่งหลังมีสื่อหลายรายได้รายงานข่าวเกี่ยวกับคำสั่งล็อกดาวนนี้ แต่รัฐบาลกลับปิดปากเงียบจนก่อให้เกิดความสับสน

.จีนกวาดเม็ดเงินลงทุนสูงสุดของโลก

การประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) เปิดเผยว่า ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ทั่วโลกในปี 2563 ทรุดตัวลง 42% สู่ระดับ 859,000 ล้านเหรียญ จากระดับ 1.5 ล้านล้านเหรียญในปี 62 พร้อมเตือนว่า ตัวเลข FDI ทั่วโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงอีกในปี 64 เนื่องจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงแพร่ระบาด รายงานของ UNCTAD ระบุว่า ยอด FDI ในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วร่วงลงอย่างหนักถึง 69% สู่ระดับ 229,000 ล้านเหรียญในปี 63 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี ขณะที่ตัวเลข FDI ในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาปรับตัวลง 12% สู่ระดับ 616,000 แสนล้านเหรียญ

อย่างไรก็ดี จีนมียอด FDI ในปี 63 สูงที่สุดในโลก โดยอยู่ที่ 163,000 ล้านเหรียญ สูงกว่ายอด FDI ของสหรัฐซึ่งอยู่ที่ 134,000 ล้านเหรียญ เนื่องจากเศรษฐกิจจีนเริ่มฟื้นตัวขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 63 หลังประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปี 63 ให้ขยายตัว 2.3% ส่งผลให้จีนกลายเป็นประเทศขนาดใหญ่ประเทศเดียวในโลกที่สามารถรอดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 63

ทั้งนี้ จีนทำสถิติกวาดยอด FDI แซงหน้าสหรัฐในปี 63 หลังจากปี 62 สหรัฐมียอด FDI มูลค่า 251,000 ล้านเหรียญ นำหน้าจีนซึ่งมียอด FDI เพียง 140,000 ล้านเหรียญ

.ปธน.เม็กซิโกติดโควิด แต่มีอาการเล็กน้อย

ประธานาธิบดีอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ ของเม็กซิโก เปิดเผยผ่านทวิตเตอร์ว่า เขามีผลการตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก และมีอาการป่วยเล็กน้อย โดยขณะนี้คณะแพทย์กำลังให้การรักษา ปธน.โอบราดอร์วัย 67 ปี กล่าวว่า แม้ผลตรวจพบว่า เขาติดเชื้อโควิด-19 แต่ยังคงมีมุมมองเป็นบวกในทุกๆด้าน ทั้งนี้ เม็กซิโกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดระลอก 2 ของไวรัสโควิด-19 ขณะที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจะพุ่งขึ้นทะลุระดับ 150,000 รายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า