จีนเปิดด่านตงซิง และสถานีรถไฟผิงเสียง ขนส่งสินค้าผักผลไม้จากไทยเพิ่ม



  • กระทรวงเกษตรเตรียมร่วมลงนามเปิดด่าน
  • ลดการแออัดแก้ปัญหารถติดจนสินค้าเสียหาย

..รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบการลงนามพิธีสาร ว่าด้วยข้อกำหนดในการกักกันโรคและตรวจสอบสำหรับการส่งออกและนำเข้าผลไม้ผ่านประเทศที่สามระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเป็นการลงนามระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเปิดด่านนำเข้าและส่งออกเพิ่ม โดยทางฝ่ายจีนที่ด่านตงซิง สถานีรถไฟผิงเสียง เพิ่มเติมจากเดิมที่เปิดด่านโหย่วอี้กว่าน และด่านโม่หาน  ส่วนทางไทยที่ด่านเชียงของ ด่านมุกดาหารด่านนครพนม ด่านบ้านผักกาด และด่านบึงกาฬ

ทั้งนี้ที่ผ่านมาทั้งสองประเทศได้มีการลงนามในพิธีสารฯ ซึ่งกำหนดให้ผลไม้ไทยที่ส่งออกไปจีน ใช้เส้นทางจากด่านมุกดาหาร เข้าสู่จีนตอนใต้ที่ด่านโหย่วอวี้กว่าน เมืองผิงเสียง เขตปกครองตนเองกวางซีจ้วง (เส้นทางR9) และกำหนดเส้นทางขนส่งผลไม้จากไทยไปจีนและจากจีนมายังไทยผ่านด่านเชียงของ และด่านโม่หาน มณฑลยูนาน (จีนตะวันตก) (เส้นทาง R3) รวมทั้งการกำหนดมาตรการกักกันโรคและตรวจสอบที่เกี่ยวข้อง แต่ด้วยปัจจุบันไทยส่งออกผลไม้ไปจีนในปริมาณมาก โดยเฉพาะในฤดูกาลผลไม้ของไทย ประกอบกับด่านที่จีนอนุญาตให้นำเข้ามีจำกัด ส่งผลให้เกิดปัญหารถติดสะสมหน้าด่านนำเข้า สร้างความเสียหายต่อคุณภาพและราคาของผลไม้ไทย 

ดังนั้น กระทรวงเกษตรฯ จึงได้เร่งเจรจาผลักดันให้จีน เปิดด่านนำเข้าผลไม้และเส้นทางในการขนส่งผลไม้จากไทยเพิ่มเติม และฝ่ายจีนก็ได้เห็นชอบแล้ว จึงจำเป็นต้องมีการลงนามในพิธีสารฉบับใหม่ ซึ่งมีเนื้อหาไม่แตกต่างจากที่ได้เคยลงนามมาแล้วเมื่อปี 2552 และ2554 แต่ได้ระบุ ให้ฝ่ายจีนเพิ่มด่านนำเข้าผลไม้จากไทย รวมทั้งอนุญาตให้ฝ่ายไทยใช้เส้นทางใดก็ได้ในการขนส่งผลไม้จากไทยไปจีนเพื่อแก้ปัญหาการขนส่งและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ส่งออกของไทยโดยกำหนดว่าผลไม้ที่นำเข้าและส่งออกของทั้งสองฝ่ายจะต้องเป็นผลไม้ที่ได้รับอนุญาตระหว่างกันโดยจะต้องจัดส่งข้อมูลทะเบียนรายชื่อสวนและโรงคัดบรรจุ ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนของแต่ละฝ่าย และผลไม้ต้องได้รับการบรรจุในผลิตภัณฑ์ใหม่สะอาดและอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์หรือตู้ควบคุมอุณหภูมิระหว่างการขนส่ง ซึ่งก่อนการส่งออกต้องมีการสุ่มเก็บตัวอย่างของผลไม้เพื่อตรวจสอบและออกใบรับรองสุขอนามัยเมื่อสินค้าเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยห้ามมิให้มีการเปิดตู้ผลไม้ระหว่างการขนส่งผ่านประเทศที่สาม

นางสาวรัชดา กล่าวว่า การจัดทำพิธีสารฯในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้ไทยสามารถส่งออกผลไม้ ซึ่งเป็นผลไม้เมืองร้อนที่เน่าเสียง่าย ไปยังจีนโดยเส้นทางบกผ่านประเทศที่สามได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะที่ผลไม้ที่เรานำเข้าจากจีนเป็นผลไม้ที่เก็บรักษาได้นานจึงใช้การขนส่งโดยทางเรือเป็นหลักเพราะค่าใช้จ่ายถูกกว่า ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน ผ่านด่านโหย่วอี้กว่าน พบว่า มีปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปริมาณ 52,005 ตัน มูลค่า 1,921 ล้านบาท ในปี 2559 เพิ่มขึ้นเป็น 580,764 ตัน มูลค่า 28,220 ล้านบาท ในปี 2562 คาดว่าจะมีการลงนามหลังจากผ่านช่วงโควิด-19 แต่ขณะนี้ทางการจีนได้อนุโลมให้ไทยทำการขนส่งผลไม้ได้ตามข้อตกลงใหม่ ไปพลางก่อนแล้ว