“จีซี” ปรับแผนลงทุนเน้นรอบคอบ ควบคู่ประเมินสถานการณ์โลก พร้อมชะลอลงทุนอีอีซี-สหรัฐฯ

  • ตั้งเป้าลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทั่วไป ปีนี้ลง  1,000 ล้านบาท
  • มีแผนเตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้นออกหุ้นกู้ เพื่อลงทุนและเสริมสภาพคล่อง
  • พร้อมให้พนักงานทำงานที่บ้านต่อ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดโควิด-19

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จัดกำ (มหาชนหรือจีซี เปิดเผยว่าแม้สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะดีขึ้น แต่เนื่องด้วยขณะนี้ก็ยังไม่มีวัคซีนมาป้องกัน ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงของทั้งสังคมและพนักงาน ทางบริษัทจะยังคงใช้นโยบายการทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home (WFH) ต่อเนื่องไปอย่างน้อยกว่า 1 ปี ประมาณ 2/3 ของพนักงานทั้งหมดกว่า 5,000 คน จากที่ขณะนี้พนักงาน WFH ประมาณ  90% และจากที่เศรษฐกิจหดตัวทั่วโลก ทางบริษัทก็ได้ทบทวนโครงการลงทุนใหม่ๆ ทั้งโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ หลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ และโครงการใหม่ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซีออกไปก่อนโดยพิจารณาถึงความต้องการใช้ที่เปลี่ยนแปลงไปตาม NEW NORMAL ซึ่งคาดว่าจะมีการตัดสินใจเร็วสุดได้ภายในปีหน้า จากเดิมที่จะมีการตัดสินใจในครึ่งหลังของปีนี้

ทั่วโลกประเมินว่าเศรษฐกิจที่หดตัว จะกลับมาฟื้นตัวเท่าเดิมใช้เวลาอย่างน้อย 2 ปี  ดังนั้น โครงการลงทุนใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอีอีซีอีก 100,000 ล้านบาท และปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์สหรัฐฯก็ต้องทบทวน โดยดูถึงความต้องการของตลาดทิศทางของโลกในอนาคต อย่างไรก็ตาม หากมีการขายกิจการที่ดี และต้นทุนเหมาะสมออกมา ทางบริษัทก็พร้อมจะเข้าซื้อกิจการ ซึ่งขณะนี้มีการเจรจาอยู่บ้างแล้ว” นายคงกระพัน กล่าว 

ทั้งนี้เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ทางบริษัทได้ลดต้นทุนค่าใช้จ่ายทั่วไปปีนี้ลงประมาณ  1,000 ล้านบาท มีการกู้เงินจาก 3 ธนาคารในประเทศ  และออกหุ้นกู้ไปแล้ว เมื่อเดือนเม..ที่ผ่านมา 15,000 ล้านบาท ขณะที่มีเงินสดในมือ23,000 ล้านบาท และเตรียมขออนุมัติผู้ถือหุ้น เพื่อออกหุ้นกู้ประมาณ 4,000 ล้านเหรียญ หรือ 128,000 ล้านบาท เพื่อใช้ทั้งการลงทุน การเสริมสภาพคล่องและรีไฟแนนซ์ เงินกู้ ภายใน 5 ปีนี้ (2563-2567)

ส่วนกรณีที่ราคาน้ำมันขยับขึ้นและความต้องการใช้พลาสติกทั่วโลกดีขึ้น หลังคลายล็อกดาวน์ทั่วโลก ก็คาดว่าผลประกอบการไตรมาสต่อไปปีนี้จะดีขึ้น จากไตรมาส 1/63 ที่ขาดทุนสุทธิ 8,784 ล้านบาท จากการขาดทุนสตอกน้ำมันกว่า 8,906 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของกำลังผลิตของจีซีทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี  ที่ผ่านมาไม่ได้ลดกำลังผลิตลงแต่อย่างใด แม้ความต้องการใช้น้ำมันจะลดลง โดยทั่วโลกมีการลดกำลังผลิตทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมี และภาพรวมปี 2563 บริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายเติบโต 7-10% เนื่องจากบริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น รวมทั้งไม่มีการปิดซ่อมบำรุงเหมือนปีก่อน

ทั้งนี้ โรงงานของจีซีทั้งเครือ 29 โรง เป็นโรงงานครบวงจร มีความยืดหยุ่นสูง จึงมีการปรับเปลี่ยนกำลังผลิตให้สอดคล้องกับตลาด เปลี่ยนการผลิตน้ำมันเครื่องบินมาเป็นดีเซลและปิโตรเคมีที่มีความต้องการสูงในช่วงโควิด-19 ระบาด โดยมีการผลิตผลิตภันฑ์ทางการแพทย์และบรรจุภัณฑ์อาหารต่างๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่โครงการที่กำลังก่อสร้างในอีอีซี 3 โครงการ ประมาณ 100,000 ล้านบาท จะเสร็จตามแผนปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ต้นทุนลดลงและมีโอกาสแข่งขันได้เพิ่มขึ้น ได้แก่ โครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต Olefins Reconfiguration Project (ORP) โครงการโพรพิลีนออกไซด์ (Propylene Oxide :PO) และ 3. โครงการโพลีออลส์ (Polyols)