

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังเปิดสมัยประชุมรัฐสภา ในเดือน พฤษภาคม – กรกฎาคมนี้ มีข่าวว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และกระทรวงการคลังจะมาขอรัฐสภา เพื่อขยายวงเงินกู้ของประเทศไทย เนื่องจากสถานะทางการคลังของประเทศไม่สู้ดีนัก ซึ่งพลเอกประยุทธ์ บริหารประเทศมา 7ปี กู้เป็นหนี้จนวงเงินของประเทศไทยใกล้เต็มกู้เพิ่มได้ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ก็จะเต็มเพดานแล้ว ที่สำคัญหนี้เก่านี้ประชาชนต้องร่วมกันรับผิดชอบเพราะเป็น “หนี้สาธารณะ” และ งบประมาณ 2565นี้พลเอกประยุทธ์ ก็จะต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อชำระหนี้ดังกล่าว ซึ่งก็มาจาก “ภาษี” ที่พวกเราทุกคนจ่ายไป
“อยากถามว่า ปีที่แล้ว กู้ไป 1.9ล้านล้าน บาท บอกจะเอาไป แก้โควิด ประมาณ 1.0ล้านล้านบาท เป็นเงินที่ใช้ด้านสาธารณสุขถึง6แสนล้าน และ แจกกระจาย อีก 4แสน ล้านบาท ตกลงแล้ว เอาไปทำอะไรบ้างไปซื้อวัคซีนแค่ไหน ทั่วโลกก็ประกาศเตือนทุกวัน ว่า จะมี โควิดละลอก 2ละลอก 3 และใช้เงินเป็นล้านล้านบาท ทำได้แค่นี้ หรือเอาไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำหรืออย่างไร ทำไม ประเทศไทยถึงตกไปอยู่ในประเทศที่ล้าหลัง แพ้เพื่อนบ้านที่เขาไม่ได้กู้เงินมาแก้ปัญหาโควิด แต่เพื่อนบ้านกลับมีวัคซีนฉีดให้ประชาชน มีเตียงให้ประชาชน มีการดูแลทางการแพทย์ได้มากกว่าประเทศไทย พลเอกประยุทธ์ปล่อยให้ประเทศไทย และคนไทยรับกรรมเช่นนี้ได้อย่างไร ต้องให้ ประชาชน ด่าลงโซเชียลรัฐถึงจะเข้าไป ดูแล”นายจิรายุ กล่าว
นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ตนไม่นึกเลยว่า นอกจากจะสร้างหนี้ให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ เป็นนักกู้แห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา นายกรัฐมนตรี 28คนยังกู้รวมกันไม่เท่าพลเอกประยุทธ์เพียงคนเดียว วันนี้ประชาชนไม่ได้เจ็บปวดเฉพาะการกู้เงิน และการใช้เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลออก พรก.กู้มาเพื่อใช้เยียวยาประชาชนและฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 เมื่อกลางปีที่แล้ว. แต่ผลของการกู้คือและการบริหารเงินกู้คือสิ่งที่เห็นในปัจจุบัน คนป่วยไม่มีเตียง ไม่มียา ไม่มีวัคซีนพอ ปล่อยให้ ประชาชนตกอยู่ในความวิตกจริตเสียงกันไปตามยถากรรม
“รับรองได้ว่า หากรัฐบาลเข้ามาขออนุมัติกู้เพิ่มกับรัฐสภา อีกตนจะขอประณาม ความไร้กึ๋นไร้น้ำยาในการบริหาร และฝ่ายค้านจะลับอีโต้อภิปรายชำแหละ พลเอกประยุทธ์ และ รัฐบาลให้ประชาชนรู้ว่า เงินเป็น ล้านๆบาทที่กู้ไป แก้โควิดปีที่แล้วหายไปไหนและผลที่ประชาชนต้องรับกรรมวันนี้ เป็นเพราะอะไร” นายจิรายุ กล่าว