จากโครงการแท็บเล็ตถึงเน็ตประชารัฐ

“สุสานขยะ”ประจานผลงานนักการเมือง

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ผ่านความเห็นชอบของครม.ไปเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่คาดว่าจะเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจรวม 316,813 ล้านบาทนั้น พูดกันตามเนื้อผ้าก็ไม่ได้มีอะไรให้ชวนตื่นเต้นหรือมองเห็นอนาคตที่แจ่มใสแบบแจ่มชัดขึ้นมา

เนื่องจากเป็นแค่มาตรการเพื่อพยุงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโดยอัดเงินเข้าระบบแบบชั่วครั้งชั่วคราว เหมือนเห็นคนป่วยนอนพะงาบๆก็ฉีดยากระตุ้นหัวใจไปก่อน แต่ยังไม่ได้รับการรักษาโรคให้กลับมาแข็งแรง กระโดดโลดเต้นได้ ไม่ต่างกับช่วงแรกที่รัฐบาล “ประยุทธ์1” เข้ามาบริหารประเทศ

ทั้งมาตรการบัตรคนจน พักหนี้เกษตรกร ก็ล้วนแต่ทำมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถามว่าแล้วยั่งยืน แข็งแรงไหม ก็ต้องตอบดังๆว่า “ไม่” เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็คงไม่ต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ “ลด แลก แจก แถม” ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำออกมาอีกในรอบนี้

และหากเปิดลิ้นชักหยิบมาตรการลักษณะนี้มาใช้เรื่อยๆแบบที่ทำอยู่ นอกจากโรคเก่าๆเดิมๆยังรักษาไม่หายแล้ว ยังจะกลายเป็นโรคเสพติดยากระตุ้นเข้าไปใหม่อีกด้วย วนเวียนซ้ำซากอยู่แบบนี้ ยิ่งอ่อนแอลงไปกว่าเดิม นอนรอแค่วันหมดลมหายใจ ไม่ใช่ประชาชนเท่านั้น แต่หมายถึงประเทศชาติด้วย

ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลพูดมาตลอดว่าจะทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศแข็งแรง เพื่อลดสัดส่วนการพึ่งพิงเศรษฐกิจภายนอกประเทศลง จนถึงขณะนี้ช่วยแสดงผลประกอบการให้เห็นได้ไหมว่า เข้าใกล้เป้าหมายส่วนนี้ไปแค่ไหน เพราะดูยังไงก็ย่ำอยู่ที่เดิม เริ่มต้นนโยบายดูดีแต่พอถึงขั้นลงมือปฏิบัตินี่ออกมาคนละเรื่องทุกที

ยกตัวอย่างหนึ่งในโครงการที่รัฐบาลหมายมั่นปั้นมือจะใช้เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยี องค์ความรู้ รวมทั้งการค้าออนไลน์ ตอบโจทย์การสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจภายในแบบยั่งยืน ก็คือ “โครงการอินเตอร์เน็ตหมู่บ้าน”หรือเน็ตประชารัฐ

ทุกวันนี้ได้ใช้ประโยชน์ต่อยอดอะไรบ้างไหม หรือแค่ใช้งบประมาณเป็นหมื่นๆล้านบาทหมดไปแล้วก็จบกันแค่นั้น สัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ไปติดตั้งไว้ชาวบ้านได้ใช้เกิดประโยชน์จริงอย่างทั่วถึงหรือไม่ ได้ติดตามตรวจสอบกันบ้างหรือเปล่า หรือปล่อยให้กระรอกนอนกัดสายเล่นไปพลางๆ

สุดท้ายก็เหมือนรัฐบาลเดิมๆที่ทำกันมา อ้างสารพัดข้อดี ชูประโยชน์ วาดภาพอนาคตอย่างสวยหรู ของโครงการเพื่อให้ได้ใช้เงินงบประมาณของประเทศ พอสิ้นสุดกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง จ่ายเงินกันเบ็ดเสร็จก็ไม่เหลียวแล เหมือนอ้อยที่ถูกเคี้ยวจนเหลือแต่ชานอ้อย หมดความหอมหวานก็ทิ้งขว้าง ไม่มีการติดตามประเมินผล ทั้งที่โครงการเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นสมบัติของชาติ

โครงการแจกแท็บเล็ตให้นักเรียนของรัฐบาลในอดีต กับ โครงการอินเตอร์เน็ตหมู่บ้านของรัฐบาลชุดที่ผ่านมาซึ่งมีนายกรัฐมนตรีคนเดียวกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน กำลังจะเข้าอีหรอบเดิม รอวันกลายเป็นซากขยะ เป็นสุสาน ไว้ให้สะเทือนใจชาวบ้าน

ที่สำคัญการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐแต่ละครั้ง สินค้าที่ได้มาใช้งานได้บ้างไม่ได้บ้าง คุณภาพต่ำ ชาวบ้านที่ได้รับก็เห็นว่าเป็นของฟรี และทำใจไว้ตั้งแต่ต้นแล้วว่าคงไม่ได้ของดีมีคุณภาพ เพราะมีบทเรียนในอดีตที่ผ่านมา จึงไม่ได้โวยวายอะไรกันมากนัก ปล่อยให้จบเงียบหายไปตามสายลม

ชาวบ้านได้แต่หวังว่าคงจะโชคดีสักวัน คนที่มาขายฝันจะทำได้จริงอย่างที่พูด แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่ชีวิตที่ไม่มีทางเลือกมากนักและกำลังจะจมน้ำ แม้ความหวังเป็นเพียงฟางเส้นเล็กๆลอยน้ำมาก็อดที่จะคว้ามันไว้ไม่ได้

คนชายขอบ