จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ เศรษฐกิจจะดีขึ้น ตลาดหุ้นไทยกลับมาคึกคัก

อเบอร์ดีน แนะเก็บหุ้นไทยราคาต่ำกว่ามูลค่า หวังการเมืองชัดเจนหลังจัดตั้งรัฐบาลใหม่ สร้างความเชื่อมั่นและผลักดันเศรษฐกิจโตต่อเนื่อง

  • ภาคการท่องเที่ยวจะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจ
  • คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยว 30 ล้านคนต่อปี

บลจ.อเบอร์ดีน จัดสัมมนา 2H2023 Global Economic Outlook “Recession, Interrupted” โดยนายโรเบิร์ต เพนนาโลซา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกครึ่งปีหลังอาจจะมีแนวโน้มชะลอตัวต่อเนื่อง จากความกดดันเรื่องอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่เศรษฐกิจจีนน่าจะกลับมาเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปภายหลังจากการเปิดประเทศ แนะลงทุน กองทุนเปิด อเบอร์ดีน โกลบอล ไดนามิค ดีวิเด็น ฟันด์ (ABGDD) มุ่งเน้นการลงทุนหุ้นปันผลเด่นทั่วโลก โดยเป็นการลงทุนในระยะยาวในหุ้นคุณภาพที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ พร้อมกับโอกาสการเติบโตของราคาหุ้นในอนาคต

ด้านนายพงค์ธาริน ทรัพยานนท์ Head of Fixed income and Asset Allocation แนะลงทุนในตลาดหุ้นจีนที่มีโอกาสเติบโตได้ดี ท่ามกลางความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยในฝั่งสหรัฐอเมริกาและยุโรป เพราะเชื่อมั่นว่าจีนจะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และเอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจหลังการปลดล็อกเปิดประเทศ โดยแนะกองทุนเปิด อเบอร์ดีน ไชน่า A Share ซัสเทนเนเบิล เอคควิตี้ ฟันด์ (ABCA) เน้นลงทุนอย่างยั่งยืนในหุ้นจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีความโดดเด่นและแตกต่าง เพื่อเฟ้นหุ้นคุณภาพ และตอบโจทย์เทรน ESG โดยโฟกัสลงทุน 5 ธีมหลัก ในกลุ่มการบริโภคในประเทศ เทคโนโลยี พลังงานสะอาด การบริหารสินทรัพย์และความมั่งคั่ง และเฮลท์แคร์ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตเศรษฐกิจจีน และนโยบายสนับสนุนของภาครัฐ

ขณะที่นางสาวดรุณรัตน์ ภิยโยดิลกชัย Head of Equities กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนในประเทศครึ่งปีหลังว่า ธุรกิจท่องเที่ยวและความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมามีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเห็นว่าพรรคการเมืองแกนนำมีนโยบายผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่าช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มมีเม็ดเงินจากต่างชาติกลับเข้ามาลงทุน โดยปีที่ผ่านมามีเม็ดเงินลงทุนต่างชาติเข้ามาปีละ 200,000 ล้านบาท แต่ในช่วงครึ่งปีแรกต่างชาติขายหุ้นไปแล้วกว่า 100,000 ล้านบาท

ส่วนภาคการท่องเที่ยวจะเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจ จากการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวราว 30 ล้านคนต่อปี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งหากมีการปลอดล็อกข้อจำกัดของกรุ๊ปทัวร์ น่าจะหนุนให้นักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น จึงมองกลุ่มโรงแรม กลุ่มค้าปลีก ร้านอาหาร และโรงพยาบาลเป็นกลุ่มที่น่าสนใจและมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้