คิงเพาเวอร์นำทัพธุรกิจลุยอีคอมเมอร์ซ “King Power-Firster” เพิ่มรายได้ 30% ทุ่ม 4 พันล้านผุด 2 โปรเจกต์ใหม่ SAT1-ดิวตี้ฟรีในกรุง



  • “คิง เพาเวอร์” นำทัพธุรกิจเข้าระบบอี-คอมเมอร์ซ งัดใช้ระบบ Single Gateway โหมบริการ Kingpower.com และ Firster.com
  • ดึงศิลปินเจน Y และ Z ปลุกกระแสตลาดรุ่นใหม่ ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าและรายได้โต 30 % ปี’66 ดึงลูกค้ากลับมาได้แล้ว 80%
  • พร้อมใช้เงินกว่า 4,000 ล้านบาท เดินหน้าลงทุนใหม่ 2 โครงการ ดิวตี้ฟรี SAT1 สุวรรณภูมิ กับดาวน์ทาวน์ในกรุงเทพฯ วางอนาคตปี’68 โตถึง 2 เท่า

นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เปิดเผยว่า ปี 2566 ได้ปรับโฉมธุรกิจเข้าสู่อีคอมเมอร์ซแบบครบวงจรโดยได้ลงทุนพัฒนา kingpower.com เป็นช่องทางบริการสื่อสารตลาดการขายสินค้าทั้งหมดของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ โดยใช้เทคโนโลยีและกลยุทธ์ดิจิทัลก้าวสู่ระบบ single Gateway เต็มรูปแบบ ภายใต้คอนเซ็ปต์ SHOP ALL POSSIBILTIES IN ONE CLICK ช้อปครบทุกความเป็นไปได้ พร้อมกับเปิดตัวTHE POSSIBILITIES MARKERS นำศิลปินรุ่นใหม่ เจเจ ต้าหนิง 4EVE และเจฟ ซาเตอร์” เป็นตัวแทนแคมเปญการตลาดใหม่ “เป็นไปได้” ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้ารุ่นใหม่ Gen Y และ Z พร้อมทำรายได้ให้กลุ่มบริษัทเติบโต 20-30 % และตั้งเป้าอนาคตปี 2568 จะขยายฐานมากขึ้นเป็น 2 เท่า ส่วนสถานการณ์รายได้ปี 2566 หลังรัฐบาลไทยเปิดประเทศมีต่างชาติเข้ามาเพิ่มมากขึ้นได้ตั้งเป้าหมายท้าทายฟื้นรายได้กลับมาให้ได้ถึง 80 % ของปี 2562

แพลตฟอร์ม Kingpower.com เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่จะเติมเต็มประสบการณ์ช้อปออนไลน์ได้แบบครบวงจรอย่างสะดวกสบาย สามารถเพิ่มฐานลูกค้าและเพิ่มรายได้สินค้าดิวตี้ฟรีจากนักช้อปเทรนด์ใหม่เริ่มตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไปทั้งตลาดคนไทยซึ่งตอนนี้กลับมาเดินทางต่างประเทศใกล้เคียงปกติปี 2562 และตลาดต่างชาติทั่วโลกเดินทางเข้าออกผ่านสนามบินนานาชาติของไทยโดยเฉพาะสุวรรณภูมิปี 2566 มีไม่ต่ำกว่า 64 ล้านคน

โครงสร้างบริการใหม่ของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะเปิดให้นักช้อปเข้าถึงสินค้าดิวตี้ฟรีซึ่งมีมากกว่า 100 แบรนด์ มีสินค้าให้เลือกมากถึง 250,000 ไอเท็ม กลุ่มที่มีไฟลต์บินต่างประเทศสามารถเลือกคลิกช้อปออนไลน์ทางkingpower.com ส่วนกลุ่มในประเทศที่ต้องการใช้สินค้าทันทีก็มีบริการส่งถึงบ้าน ถึงที่พักโรงแรมคลิกช้อปบนแพลตฟอร์มออนไลน์ Firster.com มีมากกว่าเกือบ 100,000 รายการ ซึ่งขณะนี้มีแฟล็กชิปสโตร์อยู่ด้วย 2 แห่ง ที่สยามสแควร์ ซอย 7 พื้นที่ 2,800 ตารางเมตร และในคิง เพาเวอร์ มหานคร สามารถเดินเลือกซื้อสินค้าได้ตั้งแต่ชั้น 1 จนถึงชั้น 4 เลยทีเดียว

รวมทั้งได้จัดฉลองการเปิดKingpower.comทำเอ็กซ์คลูซีฟแคมเปญClick and Collectระหว่างวันที่25-30เมษายน2566เพียงช้อปออนไลน์แค่6,000บาทรับส่วนลดทันที15 %พิเศษลดเพิ่มอีก500บาท(สูงสุด1,500บาท)ทุกการช้อป2,000บาทส่วนFirster.comร่วมฉลองเดือนเกิดพิเศษแห่งปีทั้ง2สาขาที่สยามสแควร์ซอย7และคิงเพาเวอร์มหานครเริ่ม29เมษายน-7พฤษภาคมมอบส่วนลดสูงสุด30%

นายอัยยวัฒน์กล่าวว่า ปี 2566 วางแผนเดินหน้าใช้เงินลงทุนอีกกว่า 4,000 ล้านบาท เบื้องต้น 2 โครงการ ได้แก่โครงการที่ 1 คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ในพื้นที่อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 หรือ Sattelite Building สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ลงทุนใหม่อีกประมาณ 2,000 ล้านบาท ตามที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” ซึ่งเป็นคู่สัญญาประกาศะเปิดให้บริการเริ่มกันยายน 2566 เป็นต้นไป ขนาดรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 15 ล้านคน ขณะนี้ คิง เพาเวอร์ เข้าไปตกแต่งพื้นที่โดดเด่นสวยงามดึงดูดนักเดินทางสนใจเลือกช้อปสินค้า พร้อมรองรับได้เฉลี่ยวันละ 151,000 คน โดย ทอท.ระบุแต่ละปีจะนำผู้โดยสารมาใช้สนามบินบินสุวรรณภูมิให้ได้ไม่ต่ำกว่า 66 ล้านคน จึงจะจัดเก็บค่าตอบแทนจากคู่ค้าแบบมินิมัมการันตีได้ และ โครงการที่ 2 คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ในเมืองแห่งใหม่ ใจกลางกรุงเทพฯ จะใช้ใกล้เคียงกันอีกกว่า 2,000 ล้านบาท

นายอัยยวัฒน์กล่าวว่าล่าสุดปีนี้ได้จัดทัพโครงสร้างการลงทุนอย่างชัดเจนแบ่งเป็น ธุรกิจสินค้าดิวตี้ฟรีที่ได้บุกเบิกมาจนถึงปัจจุบันก้าวสู่ปีที่ 34 และกำลังขยายไปสู่ธุรกิจที่ไม่ใช่ดิวตี้ฟรี (Non Dutyfree) ภายใต้โครง 8 กลุ่มแกนธุรกิจได้แก่ กลุ่มที่ 1 ธุรกิจสินค้าปลอดอากร (Travel Retail) กลุ่มที่ 2 ธุรกิจค้าปลีก (Retail) กลุ่มที่ 3 ธุรกิจอาหาร(Dining) กลุ่มที่ 4 ธุรกิจโรงแรม (Hospitality) กลุ่มที่ 5 ธุรกิจสินค้าอุปโภคและบริโภค (Consumer Products) กลุ่มที่ 6 ธุรกิจสร้างสรรค์ประสบการณ์ (Travel Experiences) กลุ่มที่ 7 ธุรกิจกีฬา (Sports) และกลุ่มที่ 8 กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) โดยใช้กลยุทธ์ 4Es -Enable, Encourage, Explore และ Empower นำเสนอสินค้าสินค้า พร้อมบริการเป็นเลิศ เน้นสร้างมูลค่าเพิ่มให้ลูกค้า และสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่แบบไร้รอยต่อในการเดินทางของคนทั่วโลกอย่างแท้จริง

ซึ่งแผนขยายและปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ครั้งสำคัญตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไปนั้น ทางกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เดินหน้าลงทุนเพื่อรองรับตลาดใหม่ ทันทีที่ผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 โดยผู้บริหารและพนักงานทั้งเครือรวมกว่า12,000 คน ร่วมแรงร่วมใจต่อสู้มาด้วยกันในช่วงเวลาธุรกิจต้องเผชิญผลกระทบหนักที่สุดมากว่า 3 ปี ตั้งแต่ปี2563-2565 ตามลำดับเหตุการณ์ต้องใช้เวลาแต่ละปีรับมือสถานการณ์วิกฤตอย่างเต็มกำลังเพื่อความอยู่รอด ปี2563 เริ่มบุกเบิกทำเฉพาะกิจหลายแคมเปญ โครงการที่ 1 SHOP SAVE STAY SAFE ไม่มีไฟลต์บินก็ช้อป เปลี่ยนพนักงานแปลงโฉมเป็นนักขายออนไลน์ เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าของคิง เพาเวอร์ ให้ได้มากที่สุด พร้อมทั้งจัดส่งฟรีถึงบ้านด้วยบริการ King Power Team Power

โครงการที่ 2 Thailand Smiles With You #ยิ้มให้โลกให้โลกยิ้ม ประชาสัมพันธ์ผ่านการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ เข้าถึงผู้ชมทั่วโลกกว่า 2,400 ล้านคน เกิดภาพจำประเทศไทยตอบโจทย์การฟื้นฟูตลาดท่องเที่ยวกลับมาให้เร็วที่สุดได้

โครงการที่ 3 ร่วมกับแบรนด์พันธมิตรระดับโลกทุ่มลงทุนแปลงโฉมร้านค้าดิวตี้ฟรีในสนามบินสุวรรณภุมิครั้งใหญ่ชูคอนเซ็ปต์ World Junction สร้างปรากฎการณ์ Duty Free World Class Shopping Destination ขับเคลื่อนสุวรรณภูมิเป็นสนามบินศูนย์กลางช้อปปิ้งของโลก

พร้อมทั้งเปิดตัวบริการใหม่ King Power Click & Collect เสริมการขายทางออนไลน์ได้ 24 ชั่วโมง เพื่อให้นักช้อปสามารถรับสินค้าได้ทั้งขาเข้าและขาออกบริเวณสนามบินนานาชาติที่เดินทางผ่านเข้าออกประเทศไทย

โครงการที่ 4 เปิดตัวคิง เพาเวอร์ มหานคร และโรงแรม เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร เป็นแฟล็กชิปของแบรนด์ เดอะ สแตนดาร์ด ในเอเชีย ด้วยดีไซน์ แฟชั่น ศิลปะ ดนตรี เน้นจุดขาย EAT-PLAY-STAY-SHOP เต็มรูปแบบ สร้างแม่เหล็กศูนย์รวมไลฟ์สไตล์แห่งใหม่ใจกลางกรุงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกนำเงินมาใช้จ่ายในเมืองไทยโดยมีร้านอาหารชื่อดังไว้คอยบริการ เช่น OJO, MOTT32, TEAST ROOM

นายอัยยวัฒน์กล่าวว่าแรงบันดาลใจทั้งหมดเกิดขึ้นจากการนำปรัชญาการพัฒนาธุรกิจของบิดาคือนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ผู้บุกเบิกก่อตั้งกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ที่มักจะพูดเสมอว่าทุกอย่างมีความ “เป็นไปได้” จนได้ฉายา The Impossible Man เป็นผู้นำพลังให้คิง เพาเวอร์ ก้าวไปข้างหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งมาถึงทุกวันนี้และอนาคตข้างหน้าที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเศรษฐกิจประเทศไทยให้มั่งคั่งยั่งยืนไม่แพ้ชาติในโลกอย่างแน่นอน

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen