

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า “คาเธ่ย์ แปซิฟิก” นับเป็นสายการบินล่าสุดที่รัฐบาลฮ่องกงประกาศเข้าอุ้มเพื่อให้กิจการอยู่รอดจากผลกระทบวิกฤตไวรัสโควิด-19 โดยรัฐบาลฮ่องกงได้อนุมัติแผนการเพิ่มทุนจำนวน 39,000 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงหรือราว 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ประมาณ 157,760 ล้านบาท
ทั้งนี้แผนดังกล่าวทางรัฐบาลฮ่องกงตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า Aviation 2020 ให้เข้ามาดูแล ซื้อหุ้นของคาเธ่ย์ แปซิฟิก มูลค่า 2,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐไปจนถึง 4,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาเธ่ย์ แปซิฟิกอาจจะได้รับเงินกู้มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก Aviation 2020 ด้วย
“วัตถุประสงค์คือเพื่อช่วยปกป้องบทบาทของฮ่องกงในฐานะศูนย์กลางการบินระหว่างประเทศชั้นนำในภูมิภาคนี้ รวมถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจโดยรวมในระยะยาวของฮ่องกง ในขณะเดียวกันก็สร้างผลตอบแทนที่สมเหตุสมผลให้กับรัฐบาล” นายพอล ชาน รมว.คลังฮ่องกง กล่าวกับผู้สื่อข่าว
“ชาน” กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีความตั้งใจที่จะเป็นผู้ถือหุ้นระยะยาวใน คาเธ่ย์แปซิฟิdและจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการดำเนินงานและการจัดการของสายการบิน หากใช้สิทธิของหุ้นถืออยู่มีมีสัดส่วนหุ้นสูงถึง 6% ในสายการบิน
“รัฐบาลคาดว่าจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 4% ถึง 7% จากการลงทุนเมื่อเทียบกับผลตอบแทน 3.7% โดยเฉลี่ยสำหรับพอร์ตกองทุนความมั่งคั่งของฮ่องกงกองทุนแลกเปลี่ยน” รมว.คลังฮ่องกง กล่าว
“เราหวังว่าในช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านี้ที่จะช่วยให้ (คาเธ่ย์แปซิฟิก) ฟื้นตัวและเมื่อพวกเขาทำเช่นนั้นพวกเขาสามารถชำระเงินกู้และซื้อคืนหุ้นที่ต้องการ” เขากล่าวเสริมว่า การปกป้องเส้นทางการบินของฮ่องกงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อรักษาสถานะของเมืองในฐานะศูนย์กลางการบิน
คาเธ่ย์แปซิฟิคซึ่งเป็นหนึ่งในสายการบินที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียก่อตั้งขึ้นในปี 2489 โดยอดีตนักบินกองทัพอากาศสองคนเพื่อช่วยเหลือการขนส่งสินค้าจากออสเตรเลียไปยังประเทศจีน ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบการจราจรที่ลดลงในฮ่องกงหลังจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลหลายเดือน และตามด้วยวิกฤตไวรัสโควิด-19 ทำให้มีการจำกัดการเดินทางข้ามภูมิภาค
Swire Pacific ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของคาเธ่ย์ แปซิฟิก ออกแถลงการณ์ว่า “สนับสนุนแผนการเพิ่มทุนอย่างเต็มที่”
Swire กลุ่ม บริษัทที่ตั้งอยู่ในเมืองลิเวอร์พูล ปรเทศอังกฤษในปี 1816 ถือหุ้น 45% ในคาเธ่ย์แปซิฟิค สายการบินแอร์ไชน่าซึ่งเป็นสายการบินที่รัฐเป็นเจ้าของมีสัดส่วนการถือหุ้น 30% และกาตาร์แอร์เวย์สถือหุ้น 10%
ที่มา apnews.com