คลัง หารือ “สุพัฒนพงษ์”รองนายก เร่งสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นชงศบศ.วันที่ 7ต.ค.นี้



  • ยันหนี้สาธารณะไทยไม่เกิน 60% ของจีดีพี
  • คาดปี 64 จัดเก็บรายได้ตามเป้าหมาย
  • ตั้งทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์รับเรื่องร้องเรียน “คนละครึ่ง”

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมผู้บริหารว่า ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เข้าไปหารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เพื่อเตรียมสรุปแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เสนอให้กับศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด -19 (ศบศ.) พิจารณาในการประชุมวันที่  7 ต.ค.นี้  หลังจากที่ผ่านมาได้ออกมาตรการสนับสนุนการบริโภคในประเทศ หรือ คนละครึ่ง ซึ่งจะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 16 ต.ค.63

“สำหรับมาตรการคนละครึ่งนั้น ทางกระทรวงการคลังได้เตรียมพร้อมเรื่องระบบไว้แล้ว โดยมีการนำปัญหาที่เคยติดขัดจากมาตรการก่อนๆ มาแก้ไข และยังได้ตั้งทีมผู้พิทักษ์สิทธิ์ขึ้นมาเพื่อรับข้อร้องเรียนปัญหาต่างๆ ในมาตรการคนละครึ่งตั้งแต่เริ่มโครงการ เพื่อให้ช่วยเหลือประชาชนได้ทันที”

ส่วนเรื่องที่กังวลว่าหนี้สาธารณะของประเทศไทยจะเกินกรอบวินัยการคลังที่ตั้งไว้ 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) นั้น ทางสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือ สบน. ขอยืนยันว่า หนี้สาธารณะของไทย เมื่อรวมการกู้ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท รวมกับการกู้เงินชดเชยการขาดดุลปกติแล้ว ตามแผนการกู้เงินในช่วงระยะเวลา 5 ปี (2564-2568) แล้ว หนี้สาธารณะของไทยจะอยู่ที่ 57% ของจีดีพีเท่านั้น  ไม่เกินกรอบวินัยการเงินการคลังที่กำหนดไว้ 

อย่างไรก็ตามในเรื่องการจัดเก็บรายได้นั้น ในปีงบประมาณ 2564 ประมาณการณ์รายได้อยู่ที่ 2.67 ล้านล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าการจัดเก็บจะเป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน ภายใต้การประมาณการเศรษฐกิจที่ สศค.คาดว่าจะขยายตัวได้ 4-5% นอกจากนี้แต่หน่วยงานมีแผนเพื่อหารายได้เพิ่มเรียบร้อยแล้ว 

ส่วนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) วงเงิน 500,000 ล้านบาท ที่ขณะนี้ปล่อยได้เพียงกว่า 100,000 ล้านบาทนั้น  กระทรวงการคลังจะให้ส่วนงานที่เกี่ยวข้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ว่าจะช่วยเหลือหรือผ่อนปรนเกณฑ์ใดได้บ้างเพื่อให้การปล่อยกู้ผู้ประกอบการได้มากขึ้น

ส่วนกระแสข่าวว่านายอาคม  เติมพิทยาไพสิฐ อดีตรมว.คมนาคม จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกระทรวงการคลัง นายกฤษฎา กล่าวว่า ผมไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ใครจะมาก็ล้วนความเหมาะสมทั้งนั้น ส่วนผมยินดีร่วมงานกับทุกคน ขณะที่ถ้านายอาคมมาเป็นรมว.คลังก็คิดว่าเป็นเรื่องดี เพราะเคยดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  มีความเข้าใจเศรษฐกิจและใกล้ชิดภาคเอกชน