“คลัง” คุยลั่นทุ่ง 8 เดือนจัดเก็บรายได้ 1.64 ล้านล้าน สูงกว่าเป้าหมาย 8%



  • อานิสงส์เศรษฐกิจฟื้น
  • จัดเก็บรายได้ทะลุเป้า
  • ยกเว้นกรมสรรพสามิต เหตุลดภาษีดีเซล

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)​ เปิดเผยว่า ในช่วง 8 เดือนของปีงบประมาณ2566 (ต.ค.2565-พ.ค.2566) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 1.64 ล้านล้าน สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 122,378 ล้านบาท หรือ 8% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 4.9% โดยหน่วยงานที่จัดเก็บรายได้สูงกว่าประมาณการที่สำคัญ ได้แก่ 1.กรมสรรพากร จัดเก็บภาษีได้ 1.30 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 134,000  ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้า 11.5 %  และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 4.4%  โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่ขยายตัวได้ดีตามเศรษฐกิจ

2.กรมสรรพสามิต จัดเก็บได้ 313,000 ล้านบาทต่ำกว่าเป้าหมาย 65,500 ล้านบาท หรือต่ำกว่าเป้าหมาย 17.3 %  และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 12.4 % เป็นผลจากการลดภาษีน้ำมันดีเซลตั้งแต่ช่วงต้นปีงบประมาณ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนเนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น 

3.กรมศุลกากร  จัดเก็บได้รวม 87,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 16,500 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมาย 23.5%  และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 22.4 % เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าขยายตัวได้ดี ประกอบกับมีการชำระอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดีที่ถึงที่สุดแล้ว

นายพรชัย  กล่่าวต่อว่า ขณะที่รัฐวิสาหกิจ นำส่งรายได้ 117,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 8,940 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมาย 8.3 % และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 7%  โดยผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่สูงกว่าเป้าหมาย ส่วนหนึ่งมาจากการนำส่งรายได้ของปีงบประมาณที่แล้ว ที่เหลื่อมมาจ่ายในปีนี้

สำหรับหน่วยราชการอื่นที่ไม่ได้เป็นกรมจัดเก็บภาษี มีการนำส่งรายได้ 160,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 57,300 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้าหมาย 55.3 %  และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 55.4 % เนื่องจากมีรายได้พิเศษจากการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียนเป็นรายได้แผ่นดิน, รายได้จากสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ ,เงินส่วนเกินจากการ จำหน่ายพันธบัตรกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล, และรายได้จากใบอนุญาตคลื่นความถี่วิทยุระบบ FM เป็นต้น

ส่วนฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสด มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 2.22 ล้านล้านบาท โดยรัฐบาลได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุล 384,243 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลังสิ้น ณ เดือนพ.ค.2566 มีจำนวน 256,857 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 35.2 %

ทั้งนี้สศค.ได้คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ ณ เดือนเม.ย.ว่าจะขยายตัวที่ 3.6%  เป็นการฟื้นตัวต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ที่ขยายตัวที่ 2.6 %โดยได้รับแรงสนับสนุนจาก การบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้นและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียและ กลุ่มสหภาพยุโรปที่เพิ่มขึ้น  ซึ่งคาดว่าในปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาในประเทศไทย 29.5 ล้านคน ขยายตัวที่ 164.6 %และคาดว่า มีรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.3 ล้านล้านบาท ขยายตัว 255.9  % จากปีที่แล้ว