คลังอนุมัติธปท.เลื่อนประกาศใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 ถึงปี 68



  • เพื่อเป็นช่องทางการดำเนินนโยบายของรัฐในการลดผลกระทบโควิด
  • ธปท.เปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ทางบัญชีแล้ว

รายงานข่าวจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)เปิดเผยว่า นายอาคม เติม​พิทยา​ไพสิฐ​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นชอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับมาตรฐานการบัญชีและมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับแบงก์รัฐ เพื่อให้ถือปฏิบัติในระหว่างที่กระทรวงการคลังมีนโยบายให้แบงก์รัฐเลื่อนระยะเวลาในการปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชีTFRS9ออกไป 5 ปี นับจาก1 ม.ค. 2563 จนถึงวันที่ 1 ม.ค.2568

ทั้งนี้ เนื่องจาก แบงก์รัฐมีบทบาทสำคัญในการดำเนินการตามพันธกิจที่กฎหมายจัดตั้งกำหนด รวมทั้ง ส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงินสำหรับลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เพื่อเป็นช่องทางในการดำเนินนโยบายของรัฐ เพื่อลดผลกระทบในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจหรือในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว และสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยการให้สินเชื่อแก่ประชาชนและภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19

ดังนั้นธปท.จึงเตรียมออกหลักเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานการบัญชีของแบงก์รัฐ เพื่อสะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของลูกหนี้ เสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับธนาคารของรัฐ ขณะเดียวกัน ก็ต้องไม่เป็นภาระทางการคลังของรัฐบาล

ทั้งนี้ ธปท.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากแบงก์รัฐถึงกฎเกณฑ์ทางบัญชีของแบงก์รัฐที่จะใช้ช่วงนี้ ก่อนที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานทางบัญชีสากล หรือ TFRS9 โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างกฎเกณฑ์ของธปท.เกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีและมาตรฐานการรายงานการเงินที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือทางการเงินสำหรับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ(แบงก์รัฐ) โดยให้ผู้เกี่ยวข้องตอบแบบสอบถามส่งมายังธปท.ภายในวันที่ 26 ก.พ.นี้

ทั้งนี้จำเป็นต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรฐานการบัญชีและมาตรฐานการรายงานทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือทางการเงินสำหรับแบงก์รัฐที่เหมาะสมกับบทบาทหน้าที่ดังกล่าว และมีระยะเวลาที่เพียงพอในการเตรียมความพร้อม โดยจะต้องทยอยกันเงินสำรองให้มีปริมาณเพียงพอ เพื่อให้สะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงของลูกหนี้ สามารถเสริมสร้างฐานะการเงินและความมั่นคงของแบงก์รัฐให้ดำเนินการตามพันธกิจ และไม่เป็นภาระการคลังในอนาคต

สำหรับประกาศกฎเกณฑ์ดังกล่าวของ ธปท ให้ใช้บังคับกับ ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร,ธนาคารอาคารสงเคราะห์, ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ,ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม