

คลังปรับจีดีพีปี 66 เหลือ 2.7% ประเมินปี 67 เศรษฐกิจไทยโต 3.2% ย้ำต้องเกาะติดสงครามอิสราเอลฮามาส-ภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
- เผยโดยเฉพาะเศรษฐกิจของจีน อาจมีผลให้นักท่องเที่ยวจีนมาไทยลดลง
- ปัญหาเอลนีโญ ส่งผลกระทบต่อการปลูกพืช มีผลต่อรายได้ครัวเรือน
- ชี้คาดการณ์เศรษฐกิจปี 67 ยังไม่นำโครงการแจกเงินดิจิทัลมาคำนวณ รวมถึงมาตรการอื่นๆ ของรัฐ
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และจำนวนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวไทยไม่เป็นตามคาดการณ์ไว้เหลือ 27.7 ล้านคนเหลือ 29.5 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวของต่างชาติ 1.18 ล้านล้านบาท ทำให้สศค.ต้องปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 66 อีกครั้ง ถือเป็นครั้งที่ 4 ของปีนี้เหลือ 2.7% โดยครั้งแรกเดือน ม.ค. อยู่ที่ 3.8% ครั้งที่ 2 เดือนเม.ย. 3.6% และครั้งที่ 3 เดือน ก.ค. 3.5 % ภายใต้อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเฉลี่ย 35.04 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ 83 เหรียญฯต่อบาร์เรล
สำหรับปี 67 สศค.คาดการณ์เศรษฐกิจจะขยายตัว 3.2% ภายใต้ 3 ปัจจัยซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือ การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น 3.1% การส่งออกเพิ่มขึ้น 4.4% และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวไทย34.5 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยวของต่างชาติ 1.49 ล้านล้านบาท โดยอ้างอิงค่าเงินบาท 35.31 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบตลาดดูไบ 88 เหรียญฯต่อบาร์เรล

“การคาดการณ์เศรษฐกิจปี 67 ครั้งนี้ยังไม่นำโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทมาคำนวณ รวมถึงมาตรการอื่นๆของรัฐด้วย และหากมีความชัดเจนเมื่อใด สศค.พร้อมจะประเมินเศรษฐกิจอีกครั้งในต้นปีหน้า ทั้งนี้ประเมินเบื้องต้นหากต้องการให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 1% ต้องใช้เงินอัดฉีดราว 400,000 ล้านบาท”
นอกจากนี้ สศค. ยังต้องเกาะติดสงครามในอิสราเอลกับฮามาสว่าจะยืดเยื้อยาวนานหรือไม่ และความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ภาวะเศรษฐกิจของจีนที่ชะลอตัวลง ทำให้นักท่องเที่ยวจีนไม่มาเที่ยวไทยตามเป้าหมายและกระทบต่อการส่งออกของไทย อีกทั้งความผันผวนของตลาดการเงินโลกจากการดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดของประเทศคู่ค้าหลักและปัญหาสถาบันการเงินในต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและยุโรป และปัญหาเอลนีโญที่จะก่อให้เกิดภัยแล้ง ส่งผลกระทบต่อการปลูกพืชผลทางการเกษตรและมีผลต่อรายได้และรายจ่ายครัวเรือนด้วย