

- ผู้ถือบัตรสวัสดิการ -มีแอปฯ “เป๋าตัง” ไม่ต้องลงทะเบียนรอรับเงินได้เลย
- เกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกรมส่งเสริมการเกษตรต้องลงทะเบียนใหม่
- “แท็กซี่-ขายหวย-มัคคุเทศก์-ผู้ประกันตนมาตรา39,40” เข้าเกณฑ์
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันที่ 19 ม.ค.2563 จะเสนอรายละเอียดมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนและสนับสนุนการค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันช่วงโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยให้เงินประชาชนรายละ 3,500 บาท จำนวน 2 เดือน ส่วนวิธีการเบื้องต้นจะเปิดให้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.เราชนะ.com ในเดือนม.ค.นี้ และคาดว่าจะสามารถจ่ายเงินได้ภายในสิ้นเดือนม.ค.หรือสัปดาห์แรกของเดือนก.พ.2564
อย่างไรก็ตามโครงการนี้คิดจากฐานข้อมูล 66 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งแตกต่างจากโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ที่ให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมาลงทะเบียน ซึ่งคาดว่าโครงการ “เราชนะ” ในครั้งนี้น่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ใกล้เคียงกับโครงการเราไม่ทิ้งกัน ซึ่งมีจำนวน 40 ล้านราย
“ขอให้ประชาชนอย่าสับสน เพราะไม่ว่าจะเคยลงทะเบียนมาตรการใดๆ ของรัฐบาล อาทิ คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น ก็มีสิทธิ์ในโครงการนี้ เพราะโครงการนี้จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนทุกคนที่ควรได้รับสิทธิ์ ป้องกันปัญหาเดิมที่มีคนร้องเรียกว่าทำไมไม่เข้าเกณฑ์ทั้งที่ได้รับผลกระทบ เช่น แท็กซี่ คนขายสลากกินแบ่งรัฐบาล มัคคุเทศก์ ผู้ที่อยู่ในมาตรา 39 มาตรา 40 เป็นต้น โดยครั้งนี้จะใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์(เอไอ) มาช่วยตรวจสอบข้อมูลด้วย ”
สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในโครงการ “เราชนะ” มีทั้งหมด 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มที่มีรายได้สูง โดยจะดูข้อมูลจากฐานเงินเดือน และบัญชีเงินฝาก เป็นต้น 2.ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ จำนวน 3 ล้านราย และ3.ผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 33 จำนวน 11 ล้านราย เนื่องจากสำนักงานประกันสังคมจะเป็นผู้ดูแลอยู่แล้ว
“สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 14 ล้านราย ไม่ต้องมาลงทะเบียนในโครงการ “เราชนะ” เนื่องจากรัฐจะโอนเงินให้โดยอัตโนมัติเพราะถือว่าเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ รวมถึงผู้เข้าเกณฑ์ได้รับสิทธิ์และมีแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” รัฐบาลจะมีข้อความให้ยืนยันเพื่อส่งข้อมูลให้รัฐตรวจสอบ ถ้าหากเป็นผู้อยู่ในเกณฑ์ที่รัฐกำหนด รัฐจะโอนเงินผ่านให้แอปฯ เลยโดยไม่ต้องลงทะเบียนใหม่”
ส่วนเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตรนั้น อาจจะต้องลงทะเบียนใหม่ในเว็บไซต์ “เราชนะ” เนื่องจากกระทรวงการคลังไม่ได้มีฐานข้อมูลนี้ จึงต้องอัพเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน อย่างไรก็ตามโครงการนี้ใช้เงินงบจากพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท ในส่วนของงบเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งยังมีวงเงินคงเหลือเพียงพอสำหรับช่วยเหลือประชาชนในการแพร่ระบาดโควิดระลอกนี้