ครม.ไฟเขียวลดเงินนำส่งเข้ากองทุนแบงก์รัฐ เหลือ 0.125% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี



ครม.ไฟเขียวลดเงินนำส่งเข้ากองทุนแบงก์รัฐ เหลือ 0.125% ต่อปี เป็นเวลา 2 ปี จากเดิมนำส่ง 0.25% ต่อปี ลดลงเหลือ 0.125% ต่อปี

  • หวังให้แบงก์รัฐลดต้นทุนทางการเงิน
  • ธอส.พร้อมลดดอกเบี้ยเงินกู้ลงในไตรมาส 3 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบตามที่ธอส.เสนอผ่านกระทรวงการคลัง โดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ลดเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ(SFIF) จากเดิมนำส่ง 0.25% ต่อปี ลดลงเหลือ 0.125% ต่อปี ของยอดเงินฝากที่ได้รับจากประชาชน เป็นระยะเวลา 2 ปี (2563-2564)

ทั้งนี้เพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจลดต้นทุนทางการเงิน เพิ่มบทบาทในการสนับสนุนภาคธุรกิจและภาคประชาชน ให้มีต้นทุนทางการเงินหรือภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่ลดลง เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ผ่อนปรนให้ธนาคารพาณิชย์ลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จาก 0.46% ต่อปี ลดลงเหลือ 0.23% ต่อปี เป็นระยะเวลา 2 ปี เพื่อลดต้นทุนให้กับธนาคารพาณิชย์ในการนำไป ลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงให้กับประชาชนและภาคธุรกิจ

“หลังจากนี้หากประกาศกระทรวงการคลังในเรื่องดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับใช้แล้ว ธอส. ก็พร้อมที่จะพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง ในไตรมาสที่ 3 เพื่อช่วยให้ลูกค้าปัจจุบันของธนาคารสามารถลดภาระหนี้เงินต้นคงเหลือได้เร็วขึ้น ส่วนผู้กู้รายใหม่ ก็จะมีโอกาสได้รับวงเงินกู้ที่สูงขึ้นด้วยรายได้สุทธิจำนวนเท่าเดิม”

สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของ ธอส. ปัจจุบันประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) อยู่ที่ 6.150% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) อยู่ที่ 5.750% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินกู้เบิกเกินบัญชี (MOR) อยู่ที่ 5.900% ต่อปี