ครม.ใจป้ำไฟเขียวคลังแจกเงินคนตกงานนอกระบบประกันสังคม 1.35 แสนล้านบาท



  • ขยายความช่วยเหลือจาก 3 ล้านคน เป็น 9 ล้านคน
  • นำงบงวดแรก 4.5หมื่นล้านแจกเดือนเม.ย.ก่อน
  • งวดต่อไปค่อยหาเงินเพิ่มให้

น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโคโรนา (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม ระยะที่ 2 ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยขยายกลุ่มเป้าหมายผู้ได้รับสิทธิรับเงิน คนละ 5,000 บาท รวม 3 เดือนหรือคนละ 15,000 บาท ให้ครอบคลุมทั่วถึงผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 จากเดิม 3 ล้านคน เป็น 9 ล้านคน เพื่อช่วยได้อย่างทั่วถึงและทันท่วงที โดยจะได้นำงบที่ได้รับอนุมัติไว้ 45,000 ล้านบาท มาจ่ายชดเชยรายได้ครั้งแรกให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิ ในเดือนเม.ย.2563 ไปพลางก่อน สำหรับในเดือนต่อ ๆ ไป จะได้เสนอครม.พิจารณาจัดหาแหล่งเงินที่เหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกันนี้ ครม.เห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับเงินสนับสนุนที่ได้รับตามมาตรการนี้ด้วย โดยให้กรมสรรพากรเสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครม.พิจารณาต่อไป

แจกแหลก 1.35 แสนล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมครม.วันที่ 24 มี.ค. 2563 กระทรวงการคลังได้ขออนุมัติวงเงินที่จะแจกให้กับคนตกงานในอาชีพอิสระ ลูกจ้างที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม 3 ล้านคน ซึ่งต้องใช้เงิน 45,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการที่ ครม.วันที่ 31 มี.ค.2563 ขยายจำนวนผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเป็น 9 ล้านคน ทำให้ต้องใช้เงินทั้งสิ้น 135,000 ล้านบาท ส่วนที่มาของวงเงิน ทางรัฐบาลจะใช้วิธีให้ทุกกระทรวงตัดงบ 10% มาวางเป็นกองกลางเพื่อรับมือการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 รวมทั้งวางแนวทางออกพระราชกำหนดกู้เงินฉุกเฉินด้วย

ขยายรองรับผู้ประกันตนบางส่ว
น.ส.นฤมล กล่าวว่า จากการเปิดให้ลงทะเบียนพบว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบจะมีเพิ่มกว่าที่ได้ประมาณการไว้ อีกทั้ง ตามมาตรา 54 แห่งกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม กำหนดให้ผู้ประกันตนตามมาตรา 39 ซึ่งเป็นคนที่เคยส่งประกันสังคมมาไม้น้อยกว่า 2 เดือน และออกจากงานมาไม่เกิน 6 เดือน และผู้ประกันตนมาตรา 40 ได้แก่ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งมีประมาณ 5 ล้านคน ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. …. ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบไว้ จึงจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกันตนกลุ่มนี้ที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกันตนตามมาตรา 33 บางส่วนที่ยังจ่ายเงินสมทบไม่ถึง 6 เดือน ที่ไม่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานตามกฎหมายว่าด้วยประกันสังคม แต่เป็นลูกจ้างของสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 จำนวน 70,676 คนด้วย