

- เป็นแผนแม่บทใช้วางแผนการทำงาน
- ลดการขาดดุลมุ่งสู่งบประมาณสมดุล
- ปี67 รายได้ 2.75 ล้านล้านบาท รายจ่าย 3.35 ล้านล้านบาท
นายอาคม เติมพิิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้เห็นชอบ แผนการคลังระยะปานกลาง 4 ปี ( ปีงบประมาณ 2567-2570 ) เพื่อใช้เป็นแผนแม่บทสำหรับการดำเนินงานทางการเงินการคลังและงบประมาณของรัฐ และใช้ประกอบการวางแผนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมถึงแผนการบริหารหนี้สาธารณะด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะลดขนาดการขาดดุลให้ไม่เกิน 3% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2567 รวมถึงมุ่งสู่การจัดทำงบประมาณสมดุลในระยะเวลาที่เหมาะสม ขณะที่กรอบอัตราเงินเฟ้อปี2566 อยู่ที่ 1-3%
สำหรับสมมุติฐานที่นำมาใช้ในการวางแผนการคลังฉบับดังกล่าว มีรายละเอียดังนี้ ปีงบระมาณ 2566 รายได้รัฐบาลสุทธิ 2.49 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 3.8% งบประมาณรายจ่าย 3.18 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนหน้า 2.7% ดุลการคลังต่อจีดีพีขาดดุล 695,000 ล้านบาท หรือ 3.70% หนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพี 60.64% มูลค่าจีดีพี อยู่ที่ 18.78 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.5%

ปีงบประมาณ2567 รายได้รัฐบาลสุทธิ 2.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 10.7 % งบประมาณรายจ่าย 3.35 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนหน้า 5.2 % ดุลการคลังต่อจีดีพีขาดดุล 593,000 ล้านบาท หรือ 3% หนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพี 61.36% มูลค่าจีดีพี อยู่ที่ 19.77 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.8%
ปีงบประมาณ2568 รายได้รัฐบาลสุทธิ 2.86 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 4% งบประมาณรายจ่าย 3.45 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนหน้า 3.2 % ดุลการคลังต่อจีดีพีขาดดุล 590,000 ล้านบาท หรือ 2.84 % หนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพี 61.78% มูลค่าจีดีพี อยู่ที่ 20.78 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.4%
ปีงบประมาณ 2569 รายได้รัฐบาลสุทธิ 2.95 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 3 % งบประมาณรายจ่าย 3.56 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนหน้า 3.2% ดุลการคลังต่อจีดีพีขาดดุล 615,000 ล้านบาท หรือ 2.81 % หนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพี 61.69 % มูลค่าจีดีพี อยู่ที่ 21.86 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.4%
และปีงบประมาณ2570 รายได้รัฐบาลสุทธิ 3.04 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 3% งบประมาณรายจ่าย 3.68 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีก่อนหน้า 3.2 % ดุลการคลังต่อจีดีพีขาดดุล 641,000 ล้านบาท หรือ 2.79 % หนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพี 61.25% มูลค่าจีดีพี อยู่ที่ 23 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.3%