ครม. อนุมัติส่งท้ายปีเสือดุ งัดสารพัดมาตรการลดหย่อนภาษี

  • ภาษีรักษ์โลกเพื่อสิ่งแวดล้อม
  • บริจาคสถาบันการศึกษา
  • ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะให้สสว. 

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วานนี้ (27ธ.ค.65) ได้ เห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อช่วยให้ประเทศไทยบรรลุข้อเสนอการมีความร่วมการลดก๊าซเรือนกระจกลง 40% ภายในปี2573 ดังนี้ 1.มาตรการส่งเสริมโครงการลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจ ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิที่เกิดจากการขายคาร์บอนเครดิตในประเทศ โดยบริษัทจะต้องขึ้นทะเบียนไว้กับองค์การบริหารจัดการเรือนกระจก (องค์การมหาชน) จะมีผลตั้งแต่วันพระราชกฤษฎีกามีผลบังคังใช้จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2570 เป็นระยะเวลา 3 รอบบัญชีต่อเนื่อง 

2.มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมโครงการภาษีสนับสนุนป่าชุมชนลดโลกร้อน โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับบุคคลธรรม ที่บริจาคเงินให้กรมป่าไม้ สามารถนำเงินบริจาคมาหักลดหย่อนภาษีได้ และต้องบริจาคผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่วันที่ 1ม.ค.2566-31 ธ.ค.2570 โดยการหักลดหย่อนนั้นต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อยอื่นๆแล้ว 

นอกจากนี้ครม.ยังเห็นชอบมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนผู้บริจาคให้แก่สถานศึกษา ผ่านระบบ e-Donation ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2565 – 31 ธ.ค.2567 ให้ได้รับสิทธิหักลดหย่อนหรือหักรายได้ 2 เท่า เพื่อให้เอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมในการสนับสนุนการจัดการศึกษาของประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอำนวยความสะดวกให้ผู้บริจาคในการลดภาระการจัดเก็บเอกสาร  โดยการบริจาคให้สถานศึกษาที่จะได้สิทธิลดหย่อนหรือหักรายจ่าย 2 เท่านั้นมี ดังนี้ 1. สถานศึกษาของรัฐ 2.โรงเรียนเอกชนแต่ไม่รวมโรงเรียนนอกระบบ 3.สถาบันอุดมศึกษาเอกชน  4.สถานศึกษาที่จัดตั้งขึ้นในประเทศไทยตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับทบวงการชำนาญพิเศษแห่งสหประชาชาติ 5.สถาบันอุดมศึกษาที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศ 

อีกทั้งครม.ยังเห็นชอบให้ยกเว้นการจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะในส่วนการให้กู้ยืมเงินตามโครงการสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รายย่อย ให้กับสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาอบ่อม (สสว.) ที่ให้กู้เงินผ่านกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เพื่อช่วยเหลือเอ็มอีที่ขาดสภาพคล่อง และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) 

 นายลวรรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า มาตรการภาษีดังกล่าว รัฐจะสูญเสียรายได้ 2,187 ล้านบาท แต่ผลที่ได้รับนั้นถือว่าได้มากกว่าการสูญเสียรายได้ เพราะแต่ละมาตรการช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และยังได้มีส่วนช่วยเหลือสังคมผ่านการบริจาค และช่วยเหลือเอสเอ็มอี ให้มีสภาพคล่อง สามารถเดินหน้าบริหารกิจการต่อไปได้