ครม.อนุมัติปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันให้นักเรียน “เด็กเล็ก-ป.6” เผยโรงเรียนขนาดเล็กได้ 36 บาท/คน/วัน



  • โรงเรียนที่มีนักเรียน 41 – 100 คน ใช้เงินค่าอาหารกลางวัน 27 บาท/คน/วัน
  • โรงเรียนที่มีนักเรียน 101-120 คน ใช้เงินค่าอาหาร 24 บาท/คน/วัน
  • โรงเรียนที่มีนักเรียน 121 – คนขึ้นไป ใช้เงินค่าอาหารกลางวัน 22 บาท/คน/วัน
  • ครอบคลุมจำนวนนักเรียนกว่า 5.8 ล้านคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 พ.ย.65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม. อนุมัติปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนระดับชั้นเด็กเล็กถึงระดับชั้น ป.6 เป็น 4 ระดับ ดังนี้ 

-โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 1 – 40 คน ใช้เงินค่าอาหารกลางวัน  36 บาท/คน/วัน

-โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 41 – 100 คน ใช้เงินค่าอาหารกลางวัน  27 บาท/คน/วัน

-โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน  101 – 120 คน ใช้เงินค่าอาหารกลางวัน  24 บาท/คน/วัน

-โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 121 – คนขึ้นไป ใช้เงินค่าอาหารกลางวัน 22 บาท/คน/วัน

ทั้งนี้ ครม.ยังอนุมัติหลักการในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พร้อมทั้งอนุมัติหลักการในการตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปี รายการค่าใช้จ่ายค่าอาหารกลางวันของนักเรียนเป็นอัตราดังกล่าว ตั้งแต่ ปีงบประมาณ  2567 เป็นต้นไปด้วย

สำหรับอัตราค่าอาหารกลางวันตามขนาดของโรงเรียน ครอบคลุมนักเรียนระดับชั้นอนุบาล 1 – ป.6  ของ รร.ประถมศึกษา 5 สังกัด จำนวนนักเรียน 5,792,119 คน  ได้แก่ (1) โรงเรียนสังกัด สพฐ. (2) โรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.)  (รวมทั้งที่จัดตั้งขึ้นเองและรับถ่ายโอน)  (3) โรงเรียนสังกัดตำรวจตะเวนชายแดน(4) สถานศึกษาสังกัดการศึกาานอกระบบและ (5) สถานศึกษาสังกัด กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 

ทั้งนี้ การปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันตามขนาดของโรงเรียนว่า จะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนน้อยกว่า 120 คน  ช่วยให้การบริหารจัดการงบประมาณเป็นไปอย่างเหมาะสม  สอดคล้องกับขนาดของโรงเรียนและจำนวนนักเรียน ทำให้โครงการอาหารกลางวันให้มีคุณภาพและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ขณะที่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาอนุมัติปรับเพิ่มอัตราค่าอาหารกลางวันของนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นเด็กเล็กถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (ป.6) ของสถานศึกษาในทุกสังกัด ซึ่งมีจำนวน 51,637 โรงเรียน จากปัจจุบันที่ได้รับในอัตรา 21 บาทต่อคนต่อวัน 

โดยปรับเพิ่มขึ้นในอัตราตามขนาดของโรงเรียน ตามที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เสนอ เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายและวัตถุดิบในการประกอบอาหารมีราคาสูงขึ้น โดยการจัดอาหารให้กับนักเรียนในแต่ละมื้อต้องคำนึงถึงคุณค่าตามหลักโภชนาการ 5 หมู่ที่นักเรียนควรได้รับ และในปริมาณที่เหมาะสม

นางสาวตรีนุช กล่าวว่า การปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนระดับชั้นเด็กเล็กถึงชั้น ป.6 ในอัตราตามขนาดของโรงเรียนครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 1-40 คน มีจำนวน 16,691 แห่ง จำนวนนักเรียน 403,768 คน จะได้รับเงินค่าอาหารกลางวัน 36 บาทต่อคนต่อวัน เพิ่มขึ้น 15 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น71.43%  กลุ่มที่สอง โรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 41-100 คน จำนวน 17,437 แห่ง จำนวนนักเรียน 1,126,246 คนได้รับ 27 บาทต่อคนต่อวัน คิดเป็นเพิ่มขึ้น 28.57% 

กลุ่มที่สามโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียน 101-120 คน มีจำนวน 1,970 แห่ง ได้รับ 24 บาทต่อคนต่อวัน เพิ่มขึ้น14.29% และกลุ่มสุดท้าย โรงเรียนที่มีนักเรียนตั้งแต่ 121 คนขึ้นไป มีจำนวน 15,539 แห่ง จำนวนนักเรียน4,147,557 คน ได้รับค่าอาหารกลางวัน 22 บาทต่อคนต่อวัน เพิ่มขึ้น 4.76%

“การปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันเป็นอัตราตามขนาดของโรงเรียน นอกจากจะส่งผลให้นักเรียนทุกคนได้รับอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ ถูกต้องตามหลักโภชนาการแล้ว ยังเป็นการแก้ปัญหาให้แก่โรงเรียนขนาดเล็กโดยเฉพาะได้เป็นอย่างดี เนื่องจากปัจจุบันมีโรงเรียนขนาดเล็กทุกสังกัดรวมจำนวน 36,098 โรงเรียน คิดเป็นร้อยละ 63.90 ของโรงเรียนทั้งหมดที่รับเงินอุดหนุนค่าอาหารกลางวันนักเรียน ซึ่งมีอยู่จำนวน 51,637 โรงเรียน ขณะที่โรงเรียนขนาดเล็กต้องมีค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ยในการบริหารจัดการประกอบอาหารกลางวัน เช่น ค่าจ้างแม่ครัว ค่าอุปกรณ์ ฯลฯ ที่เป็นต้นทุนคงที่ สูงมากกว่าโรงเรียนขนาดใหญ่  ซึ่งการปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันในอัตราตามขนาดโรงเรียนครั้งนี้จะช่วยให้โรงเรียนขนาดเล็กสามารถบริหารจัดการและจัดหาอาหารกลางวันให้กับน้อง ๆได้เป็นอย่างดีและเหมาะสมรวมถึงครบถ้วนตามหลักโภชนาการ 5 หมู่ ซึ่งจะส่งผลทางด้านร่างกายและสมองให้เด็ก ๆสามารถสร้างการเรียนรู้ได้เป็นอย่างดีมีประสิทธิภาพ” นางสาวตรีนุช กล่าว

นางสาวตรีนุช กล่าวต่อว่า สำหรับการปรับเพิ่มค่าอาหารกลางวันเป็นอัตราตามขนาดของโรงเรียนดังกล่าว จะเริ่มใช้ในการจัดทำแผนงบประมาณปี 2567 โดยจะใช้งบประมาณทั้งสิ้น 28,365,864,000 บาท เพิ่มขึ้นจากเดิมที่กำหนดในอัตรา 21 บาทต่อคนต่อวัน เป็นเงิน 3,533,280,000 บาท 

ทั้งนี้ ครม.ยังมีมติเพิ่มเติมว่า สำหรับปีงบประมาณ 2566 ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเจียดจ่ายงบประมาณที่มีมาเป็นค่าอาหารกลางวันตามอัตราใหม่ หากไม่เพียงพอให้ขอรับการสนับสนุนตามระเบียบสำนักงบประมาณ ทาง ศธ. จะหารือร่วมกับสำนักงบประมาณ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางให้นักเรียนได้รับค่าอาหารกลางวันตามอัตราใหม่ โดยเร็วที่สุด

รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า สำหรับโรงเรียนที่ได้รับเพิ่มอัตราค่าอาหารกลางวัน จำนวน 51,637 โรงเรียน ประกอบด้วย โรงเรียนในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.), โรงเรียนสังกัดกระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน, สังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม, สังกัดกรุงเทพมหานคร และสังกัดเมืองพัทยา